
RADIESSE (เรเดียสซ์)สามารถแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้จริงหรือไม่
- วันวิสาข์ 2540
- 27 ส.ค.
- ยาว 3 นาที
RADIESSE (เรเดียสซ์) ✨
RADIESSE คืออะไร? 🔍
RADIESSE เป็นฟิลเลอร์ระดับพรีเมียมที่มีส่วนประกอบหลักเป็น แคลเซียมไฮดรอกซีแอปาไทต์ (CaHA) ซึ่งเป็นสารที่พบในกระดูกตามธรรมชาติ 🦴 ได้รับการรับรองจาก FDA สหรัฐอเมริกา ใช้สำหรับเติมเต็มริ้วรอยลึก ยกกระชับผิว และปรับรูปหน้า โดยมีกลไกการทำงานพิเศษคือ นอกจากจะเติมเต็มทันทีแล้ว ยังกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในระยะยาวอีกด้วย 🌿
สามารถแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้จริงหรือไม่?
ใช่ RADIESSE สามารถแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้จริง ด้วยกลไกการทำงานแบบสองขั้นตอน:
การเติมเต็มทันที 🚀: เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวหนัง จะช่วยยกและเติมเต็มบริเวณที่หย่อนคล้อยได้ทันที
การกระตุ้นคอลลาเจนระยะยาว 🌱: อนุภาค CaHA จะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวแน่นกระชับขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
งานวิจัยทางคลินิกแสดงให้เห็นว่า RADIESSE สามารถเพิ่มความหนาของผิวได้ถึง 30% และเพิ่มความยืดหยุ่นได้ถึง 40% ภายใน 3 เดือนหลังการรักษา ทำให้เป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสำหรับการแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อย 📊
ราคา 💰
คามาตรฐานอยู่ที่ 29,999 บาท/กล่อง (1.5 ml) ซึ่งเพียงพอสำหรับการฉีด 1-2 บริเวณ เช่น ร่องแก้มหรือกรอบหน้า
ราคานี้อาจสูงกว่าฟิลเลอร์ HA ทั่วไป แต่ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่าและมีประสิทธิภาพในการกระตุ้นคอลลาเจนที่ดีกว่า ทำให้คุ้มค่าในระยะยาว 📈
เหมาะกับใคร? 👥
เหมาะสำหรับ ✅
อายุ: ผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไปที่เริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อย 📅
ปัญหาผิว: มีริ้วรอยลึก ร่องแก้ม หรือร่องน้ำตาที่ชัดเจน 🔍
ความต้องการ: ต้องการเพิ่มปริมาตรให้ใบหน้า เช่น บริเวณแก้มหรือขมับที่บุ๋ม 🎯
เป้าหมาย: ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและยาวนาน 🌟
สภาพร่างกาย: ผู้ที่มีสุขภาพดี ไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรง 💪
ไม่เหมาะสำหรับ ❌
สถานะร่างกาย: หญิงตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร 🤰
ปัญหาสุขภาพ: มีการติดเชื้อหรืออักเสบที่ผิวหนังในบริเวณที่จะฉีด 🔴
การแพ้: มีประวัติแพ้ส่วนประกอบของ RADIESSE หรือยาชา ⚠️
โรคประจำตัว: มีโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือภูมิแพ้รุนแรง 🌿
การรักษาอื่น: เพิ่งได้รับการรักษาด้วยเลเซอร์หรือการลอกผิวที่รุนแรง ⛔
เห็นผลเลยหรือไม่? ⏱️
การเห็นผล 📈
ทันที: เห็นผลการเติมเต็มทันทีหลังฉีด เช่น ร่องลึกตื้นขึ้น ใบหน้าดูอิ่มเต็มขึ้น ⚡
ระยะสั้น: ผลลัพธ์ดีขึ้นใน 2-4 สัปดาห์ เมื่ออาการบวมลดลงและผลิตภัณฑ์เข้าที่ 📅
ระยะยาว: การกระตุ้นคอลลาเจนทำงานเต็มที่ใน 4-8 สัปดาห์ ทำให้ผิวยกกระชับขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ 🌱
ความแตกต่าง: ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปตามสภาพผิวและปริมาณที่ใช้ 🎯
ความคงทน ⌛
ระยะเวลาเฉลี่ย: ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับบุคคล 📆
ปัจจัย: ขึ้นอยู่กับอายุ ไลฟ์สไตล์ การเผาผลาญ และการดูแลผิวหลังฉีด 🌞
การยืดอายุผลลัพธ์: การดูแลผิวอย่างดีและหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดช่วยยืดผลลัพธ์ได้ 🌟
การฉีดซ้ำ: สามารถฉีดเพิ่มเติมเมื่อผลลัพธ์เริ่มลดลง เพื่อคงความสวยงาม 💉
ข้อดีของ RADIESSE ✅ผลลัพธ์สองต่อ: เติมเต็มริ้วรอยทันทีและกระตุ้นคอลลาเจนในระยะยาว 🌿
ความเป็นธรรมชาติ: ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งหรือตึงเกินไป 🌟
ความคงทน: อยู่ได้นานกว่าฟิลเลอร์ HA ทั่วไป (12-18 เดือน) ⌛
ความปลอดภัย: ได้รับการรับรองจาก FDA และมีงานวิจัยรองรับจำนวนมาก 🏆
การใช้งานหลากหลาย: สามารถใช้ได้หลายบริเวณ เช่น ใบหน้า มือ และลำคอ 🎯
การกระตุ้นผิว: ช่วยให้ผิวแข็งแรงและยืดหยุ่นขึ้นจากภายใน 💪
ข้อเสียและความเสี่ยง ⚠️
ข้อเสียทั่วไป 📉
ค่าใช้จ่าย: ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับฟิลเลอร์ทั่วไป 💰
อาการบวม: อาจมีอาการบวมหรือรอยช้ำมากกว่าฟิลเลอร์ HA ในช่วงแรก 🎈
การแก้ไข: ไม่สามารถสลายได้เหมือนฟิลเลอร์ HA ต้องรอให้ย่อยสลายเอง ⛔
ความรู้สึก: อาจรู้สึกถึงก้อนแข็งเล็กๆ ใต้ผิวในบางกรณี 🔍
ความเสี่ยงและอันตราย 🚨
การติดเชื้อ: มีความเสี่ยงหากฉีดในสถานที่ที่ไม่ได้มาตรฐาน 🦠
ก้อนแข็ง: อาจเกิดก้อนแข็งหรือนูนหากฉีดไม่ถูกวิธี 📌
การอุดตัน: หากฉีดผิดตำแหน่งอาจอุดตันหลอดเลือด (พบได้น้อยมาก)
ผลข้างเคียงรุนแรง: อาจเกิดการแพ้หรือปฏิกิริยาที่รุนแรงในบางราย 🌡️
การดูแลก่อนและหลังฉีด 🌿
การเตรียมตัวก่อนฉีด 📋
งดยาและอาหารเสริม: หยุดยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน หรืออาหารเสริม เช่น วิตามิน E, น้ำมันปลา อย่างน้อย 7-10 วัน 💊
งดเครื่องดื่ม: งดแอลกอฮอล์อย่างน้อย 48 ชั่วโมงก่อนฉีด เพื่อลดความเสี่ยงของรอยช้ำ 🍷
ทำความสะอาด: ล้างหน้าให้สะอาดและงดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดหรือเรตินอลในวันฉีด 🧴
แจ้งข้อมูล: แจ้งแพทย์เกี่ยวกับประวัติการแพ้ยา โรคประจำตัว และการรักษาอื่นๆ ที่เคยได้รับ 📝
หลีกเลี่ยง: งดการทำทรีตเมนต์รุนแรง เช่น เลเซอร์ หรือการลอกผิว อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนฉีด ⛔
การดูแลหลังฉีด 🎯
ประคบเย็น: ใช้ผ้าเย็นหรือเจลเย็นประคบเบาๆ บริเวณที่ฉีด 10-15 นาที เพื่อลดบวมใน 24 ชั่วโมงแรก ❄️
งดแต่งหน้า: หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีรุนแรง 24-48 ชั่วโมง 💄
หลีกเลี่ยงความร้อน: งดซาวน่า ออนเซ็น หรือการออกกำลังกายหนัก 48-72 ชั่วโมง 🔥
ป้องกันแสงแดด: ทาครีมกันแดดที่มี SPF 50+ และหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดอย่างน้อย 1 สัปดาห์ ☀️ท่านอน: นอนหงายและยกศีรษะสูงในคืนแรก เพื่อป้องกันการกดทับบริเวณที่ฉีด 🛏️
การสัมผัส: งดการนวดหรือกดบริเวณที่ฉีดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของผลิตภัณฑ์ 🚫
การดื่มน้ำ: ดื่มน้ำมากๆ เพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและฟื้นตัวเร็วขึ้น 💧
อาการผิดปกติที่ต้องพบแพทย์ 🚨
อาการบวมรุนแรง: บวมมากขึ้นเรื่อยๆ หรือบวมไม่สมมาตรหลังจาก 3 วันผ่านไป ⚡
ความเจ็บปวด: ปวดรุนแรงที่ไม่ลดลง หรือปวดร่วมกับมีไข้สูง 🤒
การเปลี่ยนสีผิว: ผิวบริเวณที่ฉีดเปลี่ยนเป็นสีม่วง เขียว หรือขาวผิดปกติ 🎨
อาการชา: สูญเสียความรู้สึกหรือชานานเกิน 24 ชั่วโมง 😵
สัญญาณการติดเชื้อ: มีหนอง ผิวร้อนจัด หรือมีกลิ่นผิดปกติบริเวณที่ฉีด 🦠
อาการแพ้: มีผื่นแดง คันรุนแรง หรือหายใจลำบาก 🌡️
สรุป 📝
RADIESSE เป็นฟิลเลอร์ระดับพรีเมียมที่สามารถแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้จริง ด้วยกลไกการทำงานพิเศษที่ทั้งเติมเต็มทันทีและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว ทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12-18 เดือน ราคา 29,999 บาท/กล่อง อาจดูสูงกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป แต่ด้วยผลลัพธ์ที่ยาวนานและมีประสิทธิภาพ จึงถือว่าคุ้มค่าในระยะยาว 💯
อย่างไรก็ตาม การฉีด RADIESSE ควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อลดความเสี่ยงและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ผู้ที่สนใจควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสมก่อนตัดสินใจรับการรักษา 👨⚕️👩⚕️
🔄 RADIESSE แตกต่างจากหัตถการอื่นอย่างไร? ✨
RADIESSE มีความโดดเด่นและแตกต่างจากหัตถการอื่น ๆ ในหลายด้าน มาดูการเปรียบเทียบแบบเจาะลึกกันค่ะ 📊:
RADIESSE 💎RADIESSE ใช้วัสดุหลักคือ Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ซึ่งทำงานโดยการเติมเต็มปริมาตรทันทีและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว มีความคงทนอยู่ที่ 12-18 เดือน จุดเด่นคือสามารถปรับโครงหน้าได้ดี เช่น เติมร่องแก้มหรือปรับกรามให้ชัดเจน และให้ผลลัพธ์ระยะยาว แต่ข้อเสียคือไม่สามารถสลายได้ทันทีหากมีปัญหา และมีราคาค่อนข้างสูง 🌟
Sculptra 🌿Sculptra ใช้วัสดุ Poly-L-Lactic Acid (PLLA) ที่เน้นกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเป็นหลัก มีความคงทนยาวนานถึง 18-24 เดือน จุดเด่นคือให้ผลระยะยาวและฟื้นฟูผิวจากภายใน ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ แต่ผลลัพธ์จะไม่ปรากฏทันที ต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ และไม่เหมาะสำหรับการเติมเต็มปริมาตรในทันทีเมื่อเทียบกับ RADIESSE 🍃
Juvederm 💧Juvederm เป็นฟิลเลอร์ประเภท Hyaluronic Acid (HA) ที่เติมเต็มปริมาตรด้วยความชุ่มชื้น มีความคงทน 6-12 เดือน (ขึ้นอยู่กับรุ่น) จุดเด่นคือปลอดภัยสูง เหมาะสำหรับการเติมเต็มริมฝีปากหรือร่องใต้ตา และสามารถสลายได้ทันทีหากมีปัญหา แต่ข้อเสียคือผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นานเท่า RADIESSE และต้องทำซ้ำบ่อยกว่า 💦
Restylane 🌸Restylane ก็เป็นฟิลเลอร์ Hyaluronic Acid (HA) เช่นเดียวกับ Juvederm มีความคงทน 6-12 เดือน (ขึ้นอยู่กับรุ่น) จุดเด่นคือปลอดภัยและสามารถสลายได้ทันที เหมาะสำหรับการเติมเต็มร่องลึกและเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว แต่ผลลัพธ์คงทนสั้นกว่า RADIESSE และต้องทำซ้ำบ่อยเช่นกัน ความแตกต่างระหว่าง Restylane กับ Juvederm มักอยู่ที่เทคโนโลยีการผลิตและความหนืดของเนื้อเจล 🌺
Botox 💉Botox ใช้สาร Botulinum Toxin Type A ที่ยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อเพื่อลดริ้วรอยจากการเคลื่อนไหว เช่น รอยย่นหน้าผากหรือตีนกา มีความคงทนเพียง 3-6 เดือน จุดเด่นคือช่วยลดริ้วรอยได้ดีและฟื้นตัวเร็ว แต่ไม่ช่วยเติมเต็มปริมาตรเหมือน RADIESSE และต้องทำซ้ำบ่อย 💊
Thread Lift 🧵Thread Lift ใช้เส้นใยละลายได้ เช่น PDO หรือ PLLA เพื่อยกกระชับผิว มีความคงทน 6-12 เดือน จุดเด่นคือช่วยยกกระชับโดยไม่ต้องผ่าตัด เช่น ยกคิ้วหรือกระชับแก้ม และกระตุ้นคอลลาเจน แต่ข้อเสียคือเจ็บมาก ใช้เวลาฟื้นตัวนาน และมีความเสี่ยงสูงเมื่อเทียบกับ RADIESSE ที่เน้นการเติมเต็มมากกว่าการยกกระชับ 🪡
HIFU/Ulthera 📡HIFU หรือ Ulthera ใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนด้วยความร้อน มีความคงทน 12-18 เดือน จุดเด่นคือไม่ต้องฉีดและไม่มีแผล เหมาะสำหรับการยกกระชับผิวหย่อนคล้อย แต่ข้อเสียคือไม่ช่วยเติมเต็มปริมาตรเหมือน RADIESSE ผลลัพธ์ปรากฏช้า และรู้สึกเจ็บขณะทำ 🌊
PRP (Platelet-Rich Plasma) 🩸PRP ใช้พลาสมาจากเลือดของตัวเองเพื่อฟื้นฟูผิวด้วยเกล็ดเลือด มีความคงทน 3-6 เดือน จุดเด่นคือปลอดภัยเพราะใช้สารจากร่างกายเอง ช่วยให้ผิวดูสดใสและอ่อนเยาว์ แต่ข้อเสียคือผลลัพธ์ไม่แน่นอนและต้องทำหลายครั้ง เมื่อเทียบกับ RADIESSE ที่ให้ผลลัพธ์ชัดเจนกว่าในเรื่องการเติมเต็มและปรับโครงหน้า 💉
RADIESSE vs PRP: RADIESSE ให้ผลลัพธ์ชัดเจนในการเติมเต็มและปรับโครงหน้า ส่วน PRP เน้นการฟื้นฟูผิวจากภายในด้วยเลือดของตัวเอง ผลลัพธ์ไม่แน่นอนและต้องทำหลายครั้ง 💎💉

ความคิดเห็น