
RADIESSE (เรเดียสซ์)เหมาะกับการปรับรูปหน้าหรือไม่
- วันวิสาข์ 2540
- 4 ก.ย.
- ยาว 3 นาที
📋 ส่วนประกอบหลัก:
แคลเซียมไฮดรอกซีแอปาไทต์ (CaHA) 30% - อนุภาคไมโครสเฟียร์ที่มีโครงสร้างคล้ายกับแร่ธาตุในกระดูกมนุษย์
เจลน้ำเกลือพิเศษ (Carrier Gel) 70% - ช่วยในการนำพาและการฉีด
🔬 กลไกการทำงาน:
เติมเต็มทันที - เจลน้ำเกลือช่วยเติมเต็มริ้วรอยและปรับรูปหน้าทันที
กระตุ้นคอลลาเจน - CaHA กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติของร่างกาย
ผลลัพธ์ระยะยาว - เมื่อเจลค่อยๆ สลายตัว คอลลาเจนที่ถูกสร้างขึ้นจะช่วยให้ผิวแน่นกระชับ
💰 ราคาและความคุ้มค่า
ราคา: 29,999 บาท/กล่อง
ปริมาณ: 1.5 ml ต่อกล่อง
ครอบคลุม: 1-2 บริเวณ (ขึ้นอยู่กับการใช้งาน)
📊 ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับฟิลเลอร์ทั่วไป:
RADIESSE: ผลลัพธ์อยู่ได้ 12-18 เดือน
ฟิลเลอร์ HA ทั่วไป: ผลลัพธ์อยู่ได้ 6-9 เดือน
ความคุ้มค่าระยะยาว: แม้ราคาสูงกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป แต่ด้วยระยะเวลาที่ยาวนานกว่า 2-3 เท่า จึงมีความคุ้มค่ามากกว่าในระยะยาว
👩🎨 เหมาะกับการปรับรูปหน้าหรือไม่?
✅ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการปรับรูปหน้า เพราะ:
ความหนาแน่นที่เหมาะสม - มีความหนาแน่นที่เหมาะกับการปั้นแต่งโครงสร้างใบหน้า
ความสามารถในการยกกระชับ - ให้ผลลัพธ์การยกที่ชัดเจนกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป
ความคงตัวสูง - คงรูปได้ดี ไม่เคลื่อนย้ายไปยังบริเวณอื่น
ผลลัพธ์ธรรมชาติ - เมื่อฉีดโดยผู้เชี่ยวชาญจะให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
ความแม่นยำ - สามารถปั้นแต่งได้อย่างแม่นยำในบริเวณที่ต้องการ
🎯 บริเวณที่เหมาะสำหรับการปรับรูปหน้า:
โหนกแก้ม 🍎 - เพิ่มมิติและความโดดเด่น
คาง 👄 - ยืดหรือเพิ่มความชัดเจนของคาง
กราม 📐 - เพิ่มความคมชัดของเส้นกราม
ขมับ 🧠 - เติมเต็มขมับที่ตอบ
จมูก 👃 - ปรับโครงจมูกแบบไม่ผ่าตัด
ร่องแก้ม 😊 - ลดร่องแก้มลึก
👥 เหมาะกับใคร?
✅ เหมาะสำหรับ:ช่วงอายุ: 30-60 ปี (ทั้งชายและหญิง)
สภาพผิว: ผู้ที่มีริ้วรอยลึก, ผิวหย่อนคล้อยระดับกลางถึงมาก
ความต้องการ: ต้องการเพิ่มโครงสร้างใบหน้า, ต้องการผลลัพธ์ระยะยาว
ประเภทใบหน้า: ใบหน้าที่ขาดมิติ, ใบหน้าที่มีโครงสร้างไม่ชัดเจน
ไลฟ์สไตล์: ผู้ที่มีเวลาจำกัด ไม่ต้องการทำทรีตเมนต์บ่อยๆ
❌ ไม่เหมาะสำหรับ:หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร 🤰
ผู้ที่มีโรคภูมิแพ้รุนแรง หรือแพ้ส่วนประกอบ
ผู้ที่มีแนวโน้มการเกิดแผลเป็นคีลอยด์
ผู้ที่มีโรคผิวหนัง หรือการติดเชื้อในบริเวณที่จะฉีด
ผู้ที่มีปัญหาการแข็งตัวของเลือด
ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์แบบชั่วคราว ที่สามารถสลายได้ทันที
⏱️ เห็นผลเลยไหม? ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน?
⚡ ผลลัพธ์ทันที:เห็นผลทันทีหลังฉีด ✨ - จากการเติมเต็มของเจลน้ำเกลือ
การเปลี่ยนแปลงทันที;โครงหน้าชัดเจนขึ้น ริ้วรอยลึกจางลง
ผิวดูอวบอิ่มขึ้นรูปหน้าที่ปรับแล้วเห็นได้ชัด
📈 ผลลัพธ์ระยะยาว (การพัฒนาตามเวลา):
2-4 สัปดาห์: ผลลัพธ์ชัดเจนขึ้นจากคอลลาเจนที่เริ่มสร้าง
3 เดือน: ผิวหนาขึ้น 30% จากการกระตุ้นคอลลาเจน
6 เดือน: ความยืดหยุ่นเพิ่ม 40% ผิวแน่นกระชับ
9-12 เดือน: ผลลัพธ์ยังคงชัดเจน โครงหน้ายังคงรูปทรง
⌛ ความคงทนของผลลัพธ์:
ระยะเวลาโดยเฉลี่ย: 12-18 เดือน
ในบางกรณี: อาจอยู่ได้นานถึง 24 เดือน
ปัจจัยที่มีผลต่อความคงทน:อายุและสภาพผิว
ไลฟ์สไตล์ (การสูบบุหรี่, การตากแดด)
การดูแลผิวหลังการรักษา
บริเวณที่ฉีด (บริเวณที่เคลื่อนไหวมากอาจสลายเร็วกว่า)
เทคนิคของแพทย์และความลึกในการฉีด
✨ ข้อดีและข้อเสีย
🌟 ข้อดี:ผลลัพธ์ยาวนาน - อยู่ได้นาน 12-18 เดือน เทียบกับฟิลเลอร์ HA ที่อยู่ได้ 6-9 เดือน
กระตุ้นคอลลาเจน - ช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้นในระยะยาว
ความสามารถในการปั้นแต่ง - เหมาะกับการปรับโครงสร้างใบหน้า
ความคุ้มค่า - แม้ราคาสูงแต่ความคงทนทำให้คุ้มค่าในระยะยาว
ความปลอดภัย - ได้รับการรับรองจาก FDA และใช้มานานกว่า 15 ปี
ความเป็นธรรมชาติ - ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งทื่อ
ลดความถี่ - ไม่ต้องฉีดบ่อยเหมือนฟิลเลอร์ทั่วไป
เหมาะกับหลายบริเวณ - ใช้ได้ทั้งใบหน้า มือ และบริเวณอื่นๆ
⚠️ ข้อเสีย:ราคาสูง - แพงกว่าฟิลเลอร์ HA ทั่วไป
อาการบวม - อาจมีอาการบวมมากกว่าและนานกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป
ไม่สามารถสลาย - ไม่สามารถสลายด้วยเอนไซม์ได้ (ต่างจาก HA)
ความเสี่ยงก้อน - อาจเกิดก้อนหรือนูนถ้าฉีดไม่ถูกเทคนิค
ต้องรอผลลัพธ์เต็มที่ - ต้องใช้เวลา 2-3 เดือนเพื่อเห็นผลลัพธ์สมบูรณ์
ต้องการความเชี่ยวชาญ - ต้องทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงเท่านั้น
ไม่เหมาะกับทุกคน - มีข้อจำกัดสำหรับผู้ที่มีโรคบางประเภท
🚨 อันตรายหรือไม่?
RADIESSE มีความปลอดภัยสูงเมื่อฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่ยังมีความเสี่ยงและอาการข้างเคียงที่ควรทราบ:
😌 อาการข้างเคียงทั่วไป (ชั่วคราว):
บวม 💭 - 1-7 วัน
รอยช้ำหรือรอยเขียว 🟣 - 1-10 วัน
ปวดหรือกดเจ็บ 🤕 - 1-3 วัน
รอยแดงหรือระคายเคือง 🔴 - 2-3 วัน
อาการตึงผิว 🧴 - 3-5 วัน
🚑 อาการข้างเคียงรุนแรง (พบได้น้อย):
การเกิดก้อนแข็งหรือนูนใต้ผิว - มักเกิดจากเทคนิคการฉีดที่ไม่เหมาะสม
การอุดตันของหลอดเลือด ⚠️ - อาการปวดรุนแรง, ผิวเปลี่ยนสี (ภาวะฉุกเฉิน)
การติดเชื้อ 🦠 - แดง, ร้อน, บวม, มีหนอง
อาการแพ้รุนแรง 🚩 - ผื่น, คัน, หายใจลำบาก
ผิวเปลี่ยนสีผิดปกติหรือเนื้อตาย - ในกรณีรุนแรงที่สุด
💡 สำคัญ: ความเสี่ยงเหล่านี้ลดลงได้มากเมื่อทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการฉีด RADIESSE โดยเฉพาะ และมีอัตราการเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงต่ำมาก (น้อยกว่า 0.1%)
📋 วิธีการดูแลตัวเองก่อนและหลังการฉีด
🛠️ การเตรียมตัวก่อนการรักษา:
7-10 วันก่อนการฉีด:งดยาละลายลิ่มเลือด 💊 - Aspirin, Ibuprofen, Naproxen
งดอาหารเสริมบางชนิด 🌿 - Vitamin E, Fish Oil, Ginkgo, Garlic supplements
งดทรีตเมนต์ที่รุนแรง 🔆 - เลเซอร์, ผลัดผิว, ทรีตเมนต์ที่ทำให้ผิวระคายเคือง
แจ้งประวัติการแพ้ - แจ้งแพทย์หากมีประวัติแพ้ยาหรือสารใดๆ
48-72 ชั่วโมงก่อน:
งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 🍷 - ลดความเสี่ยงการเกิดรอยช้ำ
งดผลิตภัณฑ์ที่มีกรด 🧪 - Retinol, AHA, BHA, Vitamin C เข้มข้น
ทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน - ไม่ขัดผิวแรง ใช้คลีนเซอร์อ่อนๆ
เพิ่มความชุ่มชื้น - ใช้มอยส์เจอไรเซอร์เพื่อเตรียมผิวให้พร้อม
วันที่จะฉีด:ไม่แต่งหน้า 🚫💄 - มาคลินิกด้วยใบหน้าสะอาด
ดื่มน้ำให้เพียงพอ 💧 - อย่างน้อย 2 ลิตรก่อนการรักษา
สวมเสื้อผ้าที่สบาย 👕 - เสื้อผ้าหลวมๆ ไม่รัดแน่น
มาถึงก่อนเวลานัด ⏰ - เพื่อให้มีเวลาทาครีมชาหากจำเป็น
🩹 การดูแลหลังการรักษา:
24-48 ชั่วโมงแรก (ระยะวิกฤต):
ประคบเย็น ❄️ - 10-15 นาที ทุก 1-2 ชั่วโมง เพื่อลดบวม
งดแต่งหน้า - อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
นอนยกศีรษะสูง 🛌 - ใช้หมอน 2 ใบเพื่อลดอาการบวม
หลีกเลี่ยงการสัมผัส - ไม่นวดหรือกดบริเวณที่ฉีด
ทานยาตามที่แพทย์สั่ง - หากมีอาการปวดหรือบวมมาก
1 สัปดาห์แรก (ระยะฟื้นตัว):
หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด ☀️ - ป้องกันการระคายเคืองและการอักเสบ
ทาครีมกันแดด 🧴 - SPF 50+ ทุก 2 ชั่วโมง เมื่ออยู่กลางแจ้ง
งดออกกำลังกายหนัก 🏋️♀️ - เพื่อลดการไหลเวียนเลือดที่มากเกินไป
งดซาวน่า, อบไอน้ำ 🔥 - หลีกเลี่ยงความร้อนสูงทุกชนิด
งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ 🚭 - ลดการอักเสบและช่วยการฟื้นตัว
2-4 สัปดาห์ (ระยะคงตัว):
งดนวดหน้าแรงๆ 👐 - นวดเบาๆ ได้หลัง 2 สัปดาห์
ดื่มน้ำมากๆ 💦 - 8-10 แก้วต่อวัน
ใช้มอยส์เจอไรเซอร์ - เน้นสารที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น
หลีกเลี่ยงทรีตเมนต์รุนแรง - เช่น เลเซอร์, IPL, RF อย่างน้อย 4 สัปดาห์
ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว - ที่มีส่วนผสมของเปปไทด์, ไฮยาลูรอนิค แอซิด, เซราไมด์
การดูแลระยะยาว:
พบแพทย์ตามนัด 👨⚕️ - เพื่อติดตามผลลัพธ์
ถ่ายภาพเปรียบเทียบ 📸 - เพื่อดูการเปลี่ยนแปลง
วางแผนการฉีดซ้ำ 📅 - ประมาณ 12-18 เดือนหลังการฉีดครั้งแรก
ใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด - ตลอดเวลาเพื่อยืดอายุผลลัพธ์
👨⚕️ คำแนะนำพิเศษสำหรับการปรับรูปหน้าด้วย RADIESSE
เลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ 🏆 - การปรับรูปหน้าต้องการความชำนาญสูง ควรเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์กับ RADIESSE โดยเฉพาะ
ปรึกษาอย่างละเอียด 🗣️ - พูดคุยถึงผลลัพธ์ที่ต้องการอย่างชัดเจน และดูภาพตัวอย่างผลงานของแพทย์
เริ่มแบบค่อยเป็นค่อยไป 📏 - อาจเริ่มจากปริมาณน้อยก่อน แล้วค่อยเพิ่มในครั้งถัดไป
ถ่ายภาพก่อน-หลัง 📷 - เพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์
ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ 🔍 - ขอดูกล่องและฉลากเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นผลิตภัณฑ์แท้
วางแผนระยะยาว 📆 - เนื่องจากผลลัพธ์อยู่ได้นาน ควรวางแผนการดูแลและการฉีดซ้ำในอนาคต
เทคนิคพิเศษ 💎 - สอบถามเกี่ยวกับเทคนิค MDC (Microdroplet Contouring) ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
การผสมผสานเทคนิค 🔄 - พิจารณาการใช้ RADIESSE ร่วมกับเทคนิคอื่นๆ เช่น โบท็อกซ์ เพื่อผลลัพธ์ที่สมบูรณ์
RADIESSE เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการปรับรูปหน้า ด้วยคุณสมบัติพิเศษในการเพิ่มโครงสร้างและกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ไม่เพียงแค่ปรับรูปหน้าได้ทันที แต่ยังช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้นในระยะยาว การเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและการดูแลตัวเองอย่างถูกต้องจะช่วยให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด 🌟
🔄 RADIESSE แตกต่างจากหัตถการอื่นอย่างไร? ✨
RADIESSE มีความโดดเด่นและแตกต่างจากหัตถการอื่น ๆ ในหลายด้าน มาดูการเปรียบเทียบแบบเจาะลึกกันค่ะ 📊:
RADIESSE 💎RADIESSE ใช้วัสดุหลักคือ Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ซึ่งทำงานโดยการเติมเต็มปริมาตรทันทีและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว มีความคงทนอยู่ที่ 12-18 เดือน จุดเด่นคือสามารถปรับโครงหน้าได้ดี เช่น เติมร่องแก้มหรือปรับกรามให้ชัดเจน และให้ผลลัพธ์ระยะยาว แต่ข้อเสียคือไม่สามารถสลายได้ทันทีหากมีปัญหา และมีราคาค่อนข้างสูง 🌟
Sculptra 🌿Sculptra ใช้วัสดุ Poly-L-Lactic Acid (PLLA) ที่เน้นกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเป็นหลัก มีความคงทนยาวนานถึง 18-24 เดือน จุดเด่นคือให้ผลระยะยาวและฟื้นฟูผิวจากภายใน ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ แต่ผลลัพธ์จะไม่ปรากฏทันที ต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ และไม่เหมาะสำหรับการเติมเต็มปริมาตรในทันทีเมื่อเทียบกับ RADIESSE 🍃
Juvederm 💧Juvederm เป็นฟิลเลอร์ประเภท Hyaluronic Acid (HA) ที่เติมเต็มปริมาตรด้วยความชุ่มชื้น มีความคงทน 6-12 เดือน (ขึ้นอยู่กับรุ่น) จุดเด่นคือปลอดภัยสูง เหมาะสำหรับการเติมเต็มริมฝีปากหรือร่องใต้ตา และสามารถสลายได้ทันทีหากมีปัญหา แต่ข้อเสียคือผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นานเท่า RADIESSE และต้องทำซ้ำบ่อยกว่า 💦
Restylane 🌸Restylane ก็เป็นฟิลเลอร์ Hyaluronic Acid (HA) เช่นเดียวกับ Juvederm มีความคงทน 6-12 เดือน (ขึ้นอยู่กับรุ่น) จุดเด่นคือปลอดภัยและสามารถสลายได้ทันที เหมาะสำหรับการเติมเต็มร่องลึกและเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว แต่ผลลัพธ์คงทนสั้นกว่า RADIESSE และต้องทำซ้ำบ่อยเช่นกัน ความแตกต่างระหว่าง Restylane กับ Juvederm มักอยู่ที่เทคโนโลยีการผลิตและความหนืดของเนื้อเจล 🌺
Botox 💉Botox ใช้สาร Botulinum Toxin Type A ที่ยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อเพื่อลดริ้วรอยจากการเคลื่อนไหว เช่น รอยย่นหน้าผากหรือตีนกา มีความคงทนเพียง 3-6 เดือน จุดเด่นคือช่วยลดริ้วรอยได้ดีและฟื้นตัวเร็ว แต่ไม่ช่วยเติมเต็มปริมาตรเหมือน RADIESSE และต้องทำซ้ำบ่อย 💊
Thread Lift 🧵Thread Lift ใช้เส้นใยละลายได้ เช่น PDO หรือ PLLA เพื่อยกกระชับผิว มีความคงทน 6-12 เดือน จุดเด่นคือช่วยยกกระชับโดยไม่ต้องผ่าตัด เช่น ยกคิ้วหรือกระชับแก้ม และกระตุ้นคอลลาเจน แต่ข้อเสียคือเจ็บมา

ความคิดเห็น