top of page
ค้นหา

RADIESSE (เรเดียสซ์)คืออะไร

สวัสดีค่ะ! วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ RADIESSE (เรเดียสซ์) ซึ่งเป็นหนึ่งในนวัตกรรมการดูแลผิวที่กำลังมาแรงและได้รับความนิยมอย่างมากในวงการความงามขณะนี้ ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นทั้งการเติมเต็มและกระตุ้นผิวจากภายใน มาดูกันว่ามันคืออะไรและมีดีอย่างไรบ้าง พร้อมอิโมจิสวยๆ เพื่อให้ข้อมูลน่าอ่านยิ่งขึ้น! ✨🌸

RADIESSE (เรเดียสซ์) คืออะไร? 🤔💊

RADIESSE เป็น สารเติมเต็มผิว (Dermal Filler) ชนิดพิเศษที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) และหน่วยงานสากลอื่นๆ ทั่วโลก ไม่เพียงแค่ช่วยเติมเต็มร่องลึกหรือริ้วรอยบนใบหน้าเท่านั้น แต่ยังมีคุณสมบัติในการ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ตามธรรมชาติของผิว ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และเต่งตึงขึ้นในระยะยาว 🌿🧬


RADIESSE ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาผิวที่หย่อนคล้อย ริ้วรอยลึก และการสูญเสียปริมาตรของใบหน้า โดยให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและยาวนานกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป 💖

ส่วนประกอบหลักของ RADIESSE 🧪🔬

RADIESSE ประกอบด้วยสารสำคัญคือ Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ซึ่งเป็นอนุภาคขนาดเล็กที่แขวนลอยอยู่ในเจลที่มีส่วนผสมของน้ำ กลีเซอรีน และ carboxymethylcellulose โดย CaHA เป็นสารที่พบได้ตามธรรมชาติในกระดูกและฟันของมนุษย์ จึงมีความปลอดภัยและเข้ากันได้ดีกับร่างกาย 🦴💧

ความพิเศษของ CaHA: ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ และสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติเมื่อเวลาผ่านไป

เจลตัวพา: ช่วยให้การฉีดเรียบเนียนและกระจายตัวได้ดีบนผิว

กลไกการทำงานของ RADIESSE ⚙️✨

RADIESSE ทำงานใน 2 ขั้นตอน ที่ทำให้ผลลัพธ์ทั้งทันทีและยาวนาน:

เติมเต็มทันที (Immediate Filling) 💥

เมื่อฉีด RADIESSE เข้าไปในผิว อนุภาค CaHA และเจลจะช่วยเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึก และเพิ่มปริมาตรให้กับบริเวณที่ฉีด เช่น โหนกแก้มหรือคาง ทำให้เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังฉีด 👀

กระตุ้นคอลลาเจนในระยะยาว (Long-term Collagen Stimulation) 🌱

อนุภาค CaHA จะกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblasts) ในผิวให้ผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่

เมื่อเจลถูกดูดซึมโดยร่างกาย คอลลาเจนที่สร้างขึ้นใหม่จะคงอยู่ ช่วยให้ผิวเต่งตึงและยืดหยุ่นขึ้นอย่างต่อเนื่อง ⏳

ข้อดีและจุดเด่นของ RADIESSE 🌟🏆

ผลลัพธ์ยาวนาน: ให้ผลลัพธ์นานถึง 12-18 เดือน หรือบางกรณีนานถึง 2 ปี ซึ่งยาวนานกว่าฟิลเลอร์ชนิด Hyaluronic Acid (HA) ทั่วไปที่มักอยู่ได้เพียง 6-12 เดือน ⏰

ปลอดภัยสูง: เนื่องจากไม่มีส่วนผสมของโปรตีนหรือสารก่อภูมิแพ้ จึงลดความเสี่ยงของการเกิดปฏิกิริยาแพ้ 🛡️

ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ: ไม่ทำให้ผิวดูแข็งหรือเป็นก้อน ให้สัมผัสที่นุ่มนวลเหมือนผิวจริง 🌿

กระตุ้นคอลลาเจน: ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายใน ไม่ใช่แค่เติมเต็มผิวภายนอก 🧵

ใช้งานได้หลากหลาย: สามารถฉีดได้ทั้งใบหน้าและหลังมือ เพื่อแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อยและริ้วรอย 🖐️

บริเวณที่สามารถฉีด RADIESSE ได้ 🎯💉

RADIESSE เหมาะสำหรับการแก้ไขปัญหาผิวในหลายบริเวณ ดังนี้:

ร่องแก้ม (Nasolabial Folds): ลดรอยยิ้มลึกที่ทำให้ดูแก่ 😊

ร่องมุมปาก (Marionette Lines): ลดรอยที่ทำให้มุมปากดูตก 👄

โหนกแก้ม: เสริมปริมาตรให้ใบหน้าดูมีมิติมากขึ้น 🧑‍🦰

กรอบหน้าและคาง: ปรับโครงหน้าให้ชัดเจนและสมส่วน 🧔

หลังมือ: ลดเลือนริ้วรอยและเส้นเลือดที่เด่นชัด ทำให้มือดูอ่อนเยาว์ 🖐️

รอยตีนกาและริ้วรอยรอบดวงตา: ทำให้ผิวรอบดวงตาดูเรียบเนียน 👁️

RADIESSE (+) สูตรพิเศษ 🌈💊

RADIESSE (+) เป็นสูตรที่พัฒนาขึ้นมาโดยเพิ่ม ลิโดเคน (Lidocaine) ซึ่งเป็นยาชาเฉพาะที่ เพื่อลดความเจ็บปวดระหว่างการฉีด ทำให้ผู้เข้ารับการรักษารู้สึกสบายมากยิ่งขึ้น 💆‍♀️

ไม่สามารถสลายด้วยเอนไซม์

สลายได้ด้วยเอนไซม์ Hyaluronidase

ข้อควรระวังและผลข้างเคียง ⚠️😷

ถึงแม้ RADIESSE จะมีความปลอดภัยสูง แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อยที่พบได้บ่อย ดังนี้:

อาการบวมหรือแดง: อาจเกิดขึ้นหลังฉีดและมักหายไปภายใน 1-2 วัน 🌡️

รอยฟกช้ำ: อาจพบรอยช้ำเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด หายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์ 🟣

ความเสี่ยงก้อนแข็ง: หากฉีดในชั้นผิวที่ตื้นเกินไป อาจเกิดก้อนได้ (พบน้อยมาก) 🔘

ข้อห้าม: ไม่เหมาะกับสตรีมีครรภ์ ผู้ที่ให้นมบุตร ผู้ที่มีประวัติแพ้รุนแรง หรือมีปัญหาการแข็งตัวของเลือด 🚫

สำคัญ: ควรเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์และได้รับการรับรอง เพื่อลดความเสี่ยงและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด 🩺

การเตรียมตัวก่อนฉีด RADIESSE 📋🧼

งดยาต้านการอักเสบ (NSAIDs) หรือยาละลายลิ่มเลือด เช่น แอสไพริน อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนฉีด 💊

หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ 24-48 ชั่วโมงก่อนการรักษา 🍷

แจ้งแพทย์หากมีประวัติการแพ้ยา โรคประจำตัว หรือเคยฉีดสารเติมเต็มอื่นๆ มาก่อน 🏥

ทำความสะอาดใบหน้าให้ปราศจากเครื่องสำอางก่อนเข้ารับการรักษา 🧼

การดูแลตัวเองหลังฉีด RADIESSE 🧖‍♀️💧

ประคบเย็นบริเวณที่ฉีดเพื่อลดอาการบวมหรือรอยแดง 🧊

หลีกเลี่ยงการนวดหรือกดแรงๆ บริเวณที่ฉีดใน 24 ชั่วโมงแรก 🙅‍♀️

งดออกกำลังกายหนักหรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมากใน 24-48 ชั่วโมง 🏋️‍♀️หลีกเลี่ยงความร้อน เช่น ซาวน่า หรืออบไอน้ำ เป็นเวลา 1 สัปดาห์ 🔥

ทาครีมกันแดดและหลีกเลี่ยงการตากแดดจัด เพื่อปกป้องผิว ☀️🧴

ใครที่เหมาะกับการฉีด RADIESSE? 👨‍👩‍👧‍👦💕

ผู้ที่มีริ้วรอยลึกหรือร่องลึกปานกลางถึงมาก 👵

ผู้ที่ต้องการเพิ่มปริมาตรให้ใบหน้า เช่น โหนกแก้มหรือคาง 🧩

ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง 📉

ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ยาวนานและดูเป็นธรรมชาติ 🌿

ผู้ที่มีปัญหามือเหี่ยวย่นหรือเส้นเลือดเด่นชัดที่หลังมือ 🖐️

ค่าใช้จ่ายและสถานที่ฉีด RADIESSE 💰🏢

ค่าใช้จ่าย: ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ใช้และบริเวณที่ฉีด โดยทั่วไปราคาจะสูงกว่าฟิลเลอร์ HA เล็กน้อย เนื่องจากผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่า (ควรปรึกษาแพทย์หรือคลินิกเพื่อทราบราคาที่แน่นอน)

สถานที่: ควรเลือกคลินิกที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้ที่ได้รับการรับรอง เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด 🏥

สรุปความพิเศษของ RADIESSE 🎀💫

RADIESSE (เรเดียสซ์) เป็นนวัตกรรมสารเติมเต็มผิวที่ผสมผสานการเติมเต็มริ้วรอยและการกระตุ้นคอลลาเจนได้อย่างลงตัว ด้วยส่วนประกอบที่ปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ยาวนานถึง 12-18 เดือน ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้อ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขริ้วรอยลึก ปรับโครงหน้า หรือฟื้นฟูผิวที่หลังมือ RADIESSE ก็สามารถตอบโจทย์ได้อย่างครอบคลุม 🌟🌸

หากคุณสนใจหรือมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับ RADIESSE สามารถปรึกษาแพทย์หรือคลินิกความงามที่ได้รับการรับรองเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาพผิวของคุณได้เลยค่ะ! 💬💖

หวังว่าข้อมูลนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจเกี่ยวกับ RADIESSE มากขึ้นนะคะ! 🌈✨

🔄 RADIESSE แตกต่างจากหัตถการอื่นอย่างไร? ✨

RADIESSE มีความโดดเด่นและแตกต่างจากหัตถการอื่น ๆ ในหลายด้าน มาดูการเปรียบเทียบแบบเจาะลึกกันค่ะ 📊:

RADIESSE 💎RADIESSE ใช้วัสดุหลักคือ Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ซึ่งทำงานโดยการเติมเต็มปริมาตรทันทีและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว มีความคงทนอยู่ที่ 12-18 เดือน จุดเด่นคือสามารถปรับโครงหน้าได้ดี เช่น เติมร่องแก้มหรือปรับกรามให้ชัดเจน และให้ผลลัพธ์ระยะยาว แต่ข้อเสียคือไม่สามารถสลายได้ทันทีหากมีปัญหา และมีราคาค่อนข้างสูง 🌟

Sculptra 🌿Sculptra ใช้วัสดุ Poly-L-Lactic Acid (PLLA) ที่เน้นกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเป็นหลัก มีความคงทนยาวนานถึง 18-24 เดือน จุดเด่นคือให้ผลระยะยาวและฟื้นฟูผิวจากภายใน ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ แต่ผลลัพธ์จะไม่ปรากฏทันที ต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ และไม่เหมาะสำหรับการเติมเต็มปริมาตรในทันทีเมื่อเทียบกับ RADIESSE 🍃

Juvederm 💧Juvederm เป็นฟิลเลอร์ประเภท Hyaluronic Acid (HA) ที่เติมเต็มปริมาตรด้วยความชุ่มชื้น มีความคงทน 6-12 เดือน (ขึ้นอยู่กับรุ่น) จุดเด่นคือปลอดภัยสูง เหมาะสำหรับการเติมเต็มริมฝีปากหรือร่องใต้ตา และสามารถสลายได้ทันทีหากมีปัญหา แต่ข้อเสียคือผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นานเท่า RADIESSE และต้องทำซ้ำบ่อยกว่า 💦

Restylane 🌸Restylane ก็เป็นฟิลเลอร์ Hyaluronic Acid (HA) เช่นเดียวกับ Juvederm มีความคงทน 6-12 เดือน (ขึ้นอยู่กับรุ่น) จุดเด่นคือปลอดภัยและสามารถสลายได้ทันที เหมาะสำหรับการเติมเต็มร่องลึกและเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว แต่ผลลัพธ์คงทนสั้นกว่า RADIESSE และต้องทำซ้ำบ่อยเช่นกัน ความแตกต่างระหว่าง Restylane กับ Juvederm มักอยู่ที่เทคโนโลยีการผลิตและความหนืดของเนื้อเจล 🌺

Botox 💉Botox ใช้สาร Botulinum Toxin Type A ที่ยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อเพื่อลดริ้วรอยจากการเคลื่อนไหว เช่น รอยย่นหน้าผากหรือตีนกา มีความคงทนเพียง 3-6 เดือน จุดเด่นคือช่วยลดริ้วรอยได้ดีและฟื้นตัวเร็ว แต่ไม่ช่วยเติมเต็มปริมาตรเหมือน RADIESSE และต้องทำซ้ำบ่อย 💊

Thread Lift 🧵Thread Lift ใช้เส้นใยละลายได้ เช่น PDO หรือ PLLA เพื่อยกกระชับผิว มีความคงทน 6-12 เดือน จุดเด่นคือช่วยยกกระชับโดยไม่ต้องผ่าตัด เช่น ยกคิ้วหรือกระชับแก้ม และกระตุ้นคอลลาเจน แต่ข้อเสียคือเจ็บมาก ใช้เวลาฟื้นตัวนาน และมีความเสี่ยงสูงเมื่อเทียบกับ RADIESSE ที่เน้นการเติมเต็มมากกว่าการยกกระชับ 🪡

HIFU/Ulthera 📡HIFU หรือ Ulthera ใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนด้วยความร้อน มีความคงทน 12-18 เดือน จุดเด่นคือไม่ต้องฉีดและไม่มีแผล เหมาะสำหรับการยกกระชับผิวหย่อนคล้อย แต่ข้อเสียคือไม่ช่วยเติมเต็มปริมาตรเหมือน RADIESSE ผลลัพธ์ปรากฏช้า และรู้สึกเจ็บขณะทำ 🌊

PRP (Platelet-Rich Plasma) 🩸PRP ใช้พลาสมาจากเลือดของตัวเองเพื่อฟื้นฟูผิวด้วยเกล็ดเลือด มีความคงทน 3-6 เดือน จุดเด่นคือปลอดภัยเพราะใช้สารจากร่างกายเอง ช่วยให้ผิวดูสดใสและอ่อนเยาว์ แต่ข้อเสียคือผลลัพธ์ไม่แน่นอนและต้องทำหลายครั้ง เมื่อเทียบกับ RADIESSE ที่ให้ผลลัพธ์ชัดเจนกว่าในเรื่องการเติมเต็มและปรับโครงหน้า 💉

สรุปความแตกต่างของ RADIESSE กับแต่ละหัตถการ 🌈

RADIESSE vs Sculptra: RADIESSE ให้ผลเติมเต็มทันทีพร้อมกระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับคนที่ต้องการผลลัพธ์ทั้งทันทีและระยะยาว (12-18 เดือน) ส่วน Sculptra เน้นการกระตุ้นคอลลาเจนอย่างช้า ๆ เพื่อฟื้นฟูผิวจากภายใน ผลลัพธ์ใช้เวลาหลายสัปดาห์แต่คงทนกว่า (18-24 เดือน) 🌟🍃

RADIESSE vs Juvederm/Restylane: RADIESSE มีความคงทนยาวนานกว่า (12-18 เดือน) และเน้นปรับโครงหน้า ส่วน Juvederm และ Restylane ซึ่งเป็น HA Fillers เน้นความชุ่มชื้นและเติมเต็มได้ทันที แต่คงทนสั้นกว่า (6-12 เดือน) และสามารถสลายได้หากมีปัญหา ซึ่ง RADIESSE ทำไม่ได้ 💎💦🌸

RADIESSE vs Botox: RADIESSE ทำงานโดยการเติมเต็มและกระตุ้นคอลลาเจนเพื่อปรับโครงหน้าและลดร่องลึก ส่วน Botox เน้นลดริ้วรอยจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ ความคงทนของ Botox สั้นกว่า (3-6 เดือน) และไม่ช่วยเรื่องการเติมเต็ม 💎💉

RADIESSE vs Thread Lift: RADIESSE เน้นการเติมเต็มปริมาตรและปรับโครงหน้า ส่วน Thread Lift เน้นการยกกระชับผิวด้วยเส้นใย มีความเจ็บมากกว่าและฟื้นตัวนานกว่า 💎🪡

RADIESSE vs HIFU/Ulthera: RADIESSE เติมเต็มปริมาตรและกระตุ้นคอลลาเจน ส่วน HIFU/Ulthera เน้นยกกระชับและกระตุ้นคอลลาเจนด้วยคลื่นความร้อน ไม่ช่วยเติมเต็ม และเจ็บขณะทำ 💎🌊

RADIESSE vs PRP: RADIESSE ให้ผลลัพธ์ชัดเจนในการเติมเต

 
 
 

โพสต์ล่าสุด

ดูทั้งหมด
เดอร์มาโกลว์(DERMA GLOW)อันตรายไหม

Derma Glow: โปรแกรมการดูแลผิวหน้าด้วย Skin Booster 💉✨ สวัสดีค่ะ! วันนี้เราจะมาพูดถึง Derma Glow ซึ่งเป็นโปรแกรมการดูแลผิวหน้าด้วยการฉีดช...

 
 
 

ความคิดเห็น


ตลาดทาวน่ามาเก็ต 24/140 ม.9 ถ.สุขุมวิทพัทยา53 ซ.เนินพลับหวาน ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี20150

ตลาดทาวน่ามาเก็ต 24/140 ม.9 ถ.สุขุมวิทพัทยา53 ซ.เนินพลับหวาน ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี20150

0626023959

bottom of page