
RADIESSE (เรเดียสซ์)ผลิตจากอะไร ผลิตจากประเทศอะไร
- วันวิสาข์ 2540
- 2 ต.ค.
- ยาว 3 นาที
ส่วนประกอบหลัก 🧪
RADIESSE ผลิตจากส่วนประกอบหลักคือ Calcium Hydroxylapatite (CaHA) หรือแคลเซียมไฮดรอกซีแอปาไทต์ ซึ่งมีลักษณะพิเศษดังนี้:
🔬 เป็นสารกึ่งแข็งในรูปแบบไมโครสเฟียร์ (microspheres) ขนาดเล็ก 25-45 ไมครอน
🧬 มีโครงสร้างคล้ายกับแร่ธาตุที่พบในกระดูกและฟันของมนุษย์ ทำให้เข้ากันได้ดีกับร่างกาย
💧 ตัวสาร CaHA จะแขวนลอยอยู่ในเจลพาหะที่ประกอบด้วยน้ำ กลีเซอรีน และโซเดียมคาร์บอกซีเมทิลเซลลูโลส
🌿 ไม่มีส่วนผสมของสารก่อภูมิแพ้จากสัตว์ (non-animal origin) จึงลดความเสี่ยงของการแพ้
🔄 สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ (biodegradable) และปลอดภัยต่อร่างกาย
แหล่งผลิต 🏭
RADIESSE ผลิตโดยบริษัท Merz Aesthetics ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำด้านความงามและเวชศาสตร์ชะลอวัยระดับโลก โดยมีสำนักงานใหญ่และโรงงานผลิตตั้งอยู่ที่:
🇺🇸 ประเทศสหรัฐอเมริกา - สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในรัฐนอร์ทแคโรไลนา และโรงงานผลิตหลักอยู่ที่เมืองซานโฮเซ่ รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งได้มาตรฐาน FDA
🇩🇪 ประเทศเยอรมนี - ศูนย์วิจัยและพัฒนา รวมถึงโรงงานผลิตสำหรับตลาดยุโรปตั้งอยู่ในเมืองแฟรงก์เฟิร์ต
การรับรองคุณภาพและความปลอดภัย 🏅
RADIESSE ได้รับการรับรองจากองค์กรชั้นนำระดับสากล ดังนี้:
✅ US FDA Approved - ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2006 สำหรับการแก้ไขริ้วรอยและฟื้นฟูผิว
✅ CE Mark - ได้รับการรับรองมาตรฐานยุโรปสำหรับเครื่องมือแพทย์
✅ ISO 13485 - มาตรฐานระบบบริหารคุณภาพสำหรับเครื่องมือแพทย์
✅ GMP Certified - ผลิตภายใต้มาตรฐานการผลิตที่ดีเยี่ยม
กระบวนการผลิต 🔄
RADIESSE ผลิตภายใต้กระบวนการที่เข้มงวดและได้มาตรฐานสูงสุด:
🧪 การสังเคราะห์ CaHA - ผลิตในห้องปฏิบัติการที่ปราศจากเชื้อด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง
🌡️ การควบคุมขนาดอนุภาค - ควบคุมขนาดไมโครสเฟียร์ให้อยู่ในช่วง 25-45 ไมครอน เพื่อให้เหมาะสมกับการฉีด
💉 การผสมกับเจลพาหะ - ผสมกับเจลที่มีความเข้ากันได้กับร่างกาย เพื่อให้ฉีดได้ง่ายและกระจายตัวดี
🧫 การทดสอบความปลอดภัย - ผ่านการทดสอบหลายขั้นตอนเพื่อยืนยันความปลอดภัยและประสิทธิภาพ
📦 การบรรจุในหลอดฉีด - บรรจุในหลอดฉีดปลอดเชื้อที่พร้อมใช้งานโดยแพทย์
ประวัติการพัฒนา 📚
🕰️ 2003 - เริ่มพัฒนาโดยบริษัท BioForm Medical ในสหรัฐอเมริกา
🕰️ 2006 - ได้รับการรับรองจาก FDA สำหรับการใช้แก้ไขริ้วรอยปานกลางถึงลึก เช่น ร่องน้ำหมาก
🕰️ 2009 - Merz Aesthetics เข้าซื้อกิจการ BioForm Medical และพัฒนาต่อ
🕰️ 2015 - ได้รับการรับรองเพิ่มเติมสำหรับการฟื้นฟูผิวหลังมือที่มีริ้วรอยจากวัย
🕰️ 2018 - พัฒนาสูตร RADIESSE(+) ที่ผสม lidocaine เพื่อลดความเจ็บปวดขณะฉีด
ความแตกต่างจากสารเติมเต็มอื่น 🔍
RADIESSE มีความโดดเด่นและแตกต่างจากสารเติมเต็มประเภทอื่นๆ ดังนี้:
🌟 ไม่ใช่ Hyaluronic Acid (HA) - ต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไปในตลาดที่มักใช้ HA
🌟 กลไกการทำงาน 3 มิติ - เติมเต็มทันที, กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน, และยกกระชับโครงหน้า
🌟 ผลลัพธ์ยาวนานกว่า - อยู่ได้นานถึง 18-24 เดือน เทียบกับ HA ที่อยู่ได้เพียง 6-12 เดือน
🌟 ความเข้ากันได้กับร่างกาย - มีโครงสร้างคล้ายแร่ธาตุในร่างกายมนุษย์ จึงปลอดภัยและลดความเสี่ยงของการแพ้
การนำเข้าและจัดจำหน่ายในประเทศไทย 🇹🇭
ในประเทศไทย RADIESSE:
📋 ได้รับการรับรองจาก อย. - สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข
🏥 นำเข้าโดยตัวแทนอย่างเป็นทางการ - จัดจำหน่ายโดยบริษัทที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง
💊 จัดเป็นเครื่องมือแพทย์ประเภท 4 - ต้องใช้โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการอบรมเท่านั้น
🔒 ระบบตรวจสอบความแท้ - มี hologram และรหัสผลิตภัณฑ์เพื่อป้องกันของปลอม
ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ ℹ️
💉 ปริมาณต่อหลอด: มีทั้งขนาด 1.5 ml และ 0.8 ml ขึ้นอยู่กับรุ่นและการใช้งาน
🧪 ความเข้มข้นของ CaHA: 30% ในเจลพาหะ 70%
⚕️ อายุการเก็บรักษา: 2-3 ปีในอุณหภูมิห้อง
🔬 การทดสอบทางคลินิก: ผ่านการทดสอบในผู้ป่วยมากกว่า 5,000 คนทั่วโลก
🌍 การใช้งานทั่วโลก: มีการใช้งานในกว่า 60 ประเทศ และได้รับความไว้วางใจจากแพทย์ทั่วโลก
คุณสมบัติและประโยชน์ของ RADIESSE 🌈
💖 เติมเต็มริ้วรอยลึก - ช่วยลดร่องลึก เช่น ร่องน้ำหมาก และร่องแก้ม
💪 ยกกระชับโครงหน้า - ช่วยปรับรูปหน้าให้เป็น V-Shape และเพิ่มมิติให้ใบหน้า
🌿 กระตุ้นคอลลาเจน - ช่วยให้ผิวแน่นกระชับและอ่อนเยาว์จากภายใน
🕰️ ผลลัพธ์ยาวนาน - อยู่ได้นานถึง 18-24 เดือน คุ้มค่ากว่าเมื่อเทียบกับฟิลเลอร์ทั่วไป
👐 ฟื้นฟูผิวหลังมือ - ช่วยลดริ้วรอยและความเหี่ยวย่นของผิวหลังมือ
ข้อควรระวังและการดูแลหลังฉีด ⚠️
🚫 ข้อห้าม: ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร, ผู้ที่มีแผลหรือการติดเชื้อบริเวณที่ฉีด, หรือผู้ที่แพ้ส่วนประกอบ
🧊 การดูแลหลังฉีด: ประคบเย็น 24-48 ชั่วโมง, หลีกเลี่ยงความร้อนและแสงแดดจัด, งดนวดหรือกดแรง 2 สัปดาห์
🩺 ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น: บวมหรือแดงเล็กน้อย 1-3 วัน, รู้สึกตึงผิวชั่วคราว ซึ่งจะหายไปเอง
RADIESSE เป็นนวัตกรรมสารฉีดกระตุ้นผิวที่ไม่เพียงแต่เติมเต็มริ้วรอย แต่ยังช่วยฟื้นฟูผิวจากภายในด้วยการกระตุ้นคอลลาเจนตามธรรมชาติ ด้วยส่วนประกอบที่ปลอดภัย ผลิตจากประเทศชั้นนำด้านเทคโนโลยีความงาม และการรับรองระดับสากล จึงเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบันสำหรับผู้ที่ต้องการผิวสวย อ่อนเยาว์ และผลลัพธ์ที่ยาวนาน 💎✨🌟
🔄 RADIESSE แตกต่างจากหัตถการอื่นอย่างไร? ✨
RADIESSE มีความโดดเด่นและแตกต่างจากหัตถการอื่น ๆ ในหลายด้าน มาดูการเปรียบเทียบแบบเจาะลึกกันค่ะ 📊:
RADIESSE 💎RADIESSE ใช้วัสดุหลักคือ Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ซึ่งทำงานโดยการเติมเต็มปริมาตรทันทีและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว มีความคงทนอยู่ที่ 12-18 เดือน จุดเด่นคือสามารถปรับโครงหน้าได้ดี เช่น เติมร่องแก้มหรือปรับกรามให้ชัดเจน และให้ผลลัพธ์ระยะยาว แต่ข้อเสียคือไม่สามารถสลายได้ทันทีหากมีปัญหา และมีราคาค่อนข้างสูง 🌟Sculptra 🌿Sculptra ใช้วัสดุ Poly-L-Lactic Acid (PLLA) ที่เน้นกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเป็นหลัก มีความคงทนยาวนานถึง 18-24 เดือน จุดเด่นคือให้ผลระยะยาวและฟื้นฟูผิวจากภายใน ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ แต่ผลลัพธ์จะไม่ปรากฏทันที ต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ และไม่เหมาะสำหรับการเติมเต็มปริมาตรในทันทีเมื่อเทียบกับ RADIESSE 🍃
Juvederm 💧Juvederm เป็นฟิลเลอร์ประเภท Hyaluronic Acid (HA) ที่เติมเต็มปริมาตรด้วยความชุ่มชื้น มีความคงทน 6-12 เดือน (ขึ้นอยู่กับรุ่น) จุดเด่นคือปลอดภัยสูง เหมาะสำหรับการเติมเต็มริมฝีปากหรือร่องใต้ตา และสามารถสลายได้ทันทีหากมีปัญหา แต่ข้อเสียคือผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นานเท่า RADIESSE และต้องทำซ้ำบ่อยกว่า 💦
restylane 🌸Restylane ก็เป็นฟิลเลอร์ Hyaluronic Acid (HA) เช่นเดียวกับ Juvederm มีความคงทน 6-12 เดือน (ขึ้นอยู่กับรุ่น) จุดเด่นคือปลอดภัยและสามารถสลายได้ทันที เหมาะสำหรับการเติมเต็มร่องลึกและเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว แต่ผลลัพธ์คงทนสั้นกว่า RADIESSE และต้องทำซ้ำบ่อยเช่นกัน ความแตกต่างระหว่าง Restylane กับ Juvederm มักอยู่ที่เทคโนโลยีการผลิตและความหนืดของเนื้อเจล 🌺
Botox 💉Botox ใช้สาร Botulinum Toxin Type A ที่ยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อเพื่อลดริ้วรอยจากการเคลื่อนไหว เช่น รอยย่นหน้าผากหรือตีนกา มีความคงทนเพียง 3-6 เดือน จุดเด่นคือช่วยลดริ้วรอยได้ดีและฟื้นตัวเร็ว แต่ไม่ช่วยเติมเต็มปริมาตรเหมือน RADIESSE และต้องทำซ้ำบ่อย 💊
Thread Lift 🧵Thread Lift ใช้เส้นใยละลายได้ เช่น PDO หรือ PLLA เพื่อยกกระชับผิว มีความคงทน 6-12 เดือน จุดเด่นคือช่วยยกกระชับโดยไม่ต้องผ่าตัด เช่น ยกคิ้วหรือกระชับแก้ม และกระตุ้นคอลลาเจน แต่ข้อเสียคือเจ็บมาก ใช้เวลาฟื้นตัวนาน และมีความเสี่ยงสูงเมื่อเทียบกับ RADIESSE ที่เน้นการเติมเต็มมากกว่าการยกกระชับ 🪡
HIFU/Ulthera 📡HIFU หรือ Ulthera ใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนด้วยความร้อน มีความคงทน 12-18 เดือน จุดเด่นคือไม่ต้องฉีดและไม่มีแผล เหมาะสำหรับการยกกระชับผิวหย่อนคล้อย แต่ข้อเสียคือไม่ช่วยเติมเต็มปริมาตรเหมือน RADIESSE ผลลัพธ์ปรากฏช้า และรู้สึกเจ็บขณะทำ 🌊
PRP (Platelet-Rich Plasma) 🩸PRP ใช้พลาสมาจากเลือดของตัวเองเพื่อฟื้นฟูผิวด้วยเกล็ดเลือด มีความคงทน 3-6 เดือน จุดเด่นคือปลอดภัยเพราะใช้สารจากร่างกายเอง ช่วยให้ผิวดูสดใสและอ่อนเยาว์ แต่ข้อเสียคือผลลัพธ์ไม่แน่นอนและต้องทำหลายครั้ง เมื่อเทียบกับ RADIESSE ที่ให้ผลลัพธ์ชัดเจนกว่าในเรื่องการเติมเต็มและปรับโครงหน้า 💉
สรุปความแตกต่างของ RADIESSE กับแต่ละหัตถการ 🌈
RADIESSE vs Sculptra: RADIESSE ให้ผลเติมเต็มทันทีพร้อมกระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับคนที่ต้องการผลลัพธ์ทั้งทันทีและระยะยาว (12-18 เดือน) ส่วน Sculptra เน้นการกระตุ้นคอลลาเจนอย่างช้า ๆ เพื่อฟื้นฟูผิวจากภายใน ผลลัพธ์ใช้เวลาหลายสัปดาห์แต่คงทนกว่า (18-24 เดือน) 🌟🍃
RADIESSE vs Juvederm/Restylane: RADIESSE มีความคงทนยาวนานกว่า (12-18 เดือน) และเน้นปรับโครงหน้า ส่วน Juvederm และ Restylane ซึ่งเป็น HA Fillers เน้นความชุ่มชื้นและเติมเต็มได้ทันที แต่คงทนสั้นกว่า (6-12 เดือน) และสามารถสลายได้หากมีปัญหา ซึ่ง RADIESSE ทำไม่ได้ 💎💦🌸
RADIESSE vs Botox: RADIESSE ทำงานโดยการเติมเต็มและกระตุ้นคอลลาเจนเพื่อปรับโครงหน้าและลดร่องลึก ส่วน Botox เน้นลดริ้วรอยจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ ความคงทนของ Botox สั้นกว่า (3-6 เดือน) และไม่ช่วยเรื่องการเติมเต็ม 💎💉
RADIESSE vs Thread Lift: RADIESSE เน้นการเติมเต็มปริมาตรและปรับโครงหน้า ส่วน Thread Lift เน้นการยกกระชับผิวด้วยเส้นใย มีความเจ็บมากกว่าและฟื้นตัวนานกว่า 💎🪡
RADIESSE vs HIFU/Ulthera: RADIESSE เติมเต็มปริมาตรและกระตุ้นคอลลาเจน ส่วน HIFU/Ulthera เน้นยกกระชับและกระตุ้นคอลลาเจนด้วยคลื่นความร้อน ไม่ช่วยเติมเต็ม และเจ็บขณะทำ 💎🌊
RADIESSE vs PRP: RADIESSE ให้ผลลัพธ์ชัดเจนในการเติมเต็มและปรับโครงหน้า ส่วน PRP เน้นการฟื้นฟูผิวจากภายในด้วยเลือดของตัวเอง ผลลัพธ์ไม่แน่นอนและต้องทำหลายครั้ง 💎💉

ความคิดเห็น