
RADIESSE (เรเดียสซ์)ช่วยเรื่องความกระชับของผิวหรือไม่
- วันวิสาข์ 2540
- 15 ก.ย.
- ยาว 3 นาที
RADIESSE (เรเดียสซ์): สารเติมเต็มผิวที่ช่วยกระชับผิวได้จริง 🌟
💉 RADIESSE คืออะไร?
RADIESSE (เรเดียสซ์) เป็นสารเติมเต็มผิว (Dermal Filler) ชนิดพิเศษที่มีส่วนประกอบหลักเป็น Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่พบได้ตามธรรมชาติในร่างกายมนุษย์ โดยเฉพาะในกระดูกและฟัน 🦴 ทำให้มีความปลอดภัยสูงและลดความเสี่ยงในการแพ้ RADIESSE ไม่ใช่แค่ฟิลเลอร์ธรรมดา แต่มีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้อีกด้วย 🧬
✨ RADIESSE ช่วยเรื่องความกระชับของผิวได้จริงหรือไม่?
ตอบ: ช่วยได้จริง! 👍 RADIESSE มีประสิทธิภาพสูงในการช่วยเพิ่มความกระชับของผิว เนื่องจาก:
ให้ผลทันที ⚡: เมื่อฉีดเข้าสู่ผิว จะช่วยเติมเต็มและยกกระชับผิวได้ทันที
กระตุ้นคอลลาเจน 🔄: CaHA จะกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนใหม่ตามธรรมชาติ
เพิ่มความยืดหยุ่น 🌈: ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นและกระชับมากขึ้น
ปรับโครงสร้างผิว 🏗️: สามารถปรับโครงสร้างผิวให้แน่นกระชับ โดยเฉพาะบริเวณที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย
💰 ราคา RADIESSE
ราคา 29,999 บาท/กล่อง ซึ่งในหนึ่งกล่องมีปริมาณ 1.5 มล. โดยปริมาณที่ใช้จะขึ้นอยู่กับบริเวณที่ต้องการรักษาและสภาพผิวของแต่ละบุคคล 💸 ราคานี้อาจแตกต่างกันไปตามคลินิกและโปรโมชั่นในแต่ละสถานที่
👥 RADIESSE เหมาะกับใคร?
RADIESSE เหมาะสำหรับ:
ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ขาดความกระชับ 📉
ผู้ที่มีริ้วรอยลึก เช่น ร่องแก้ม ร่องเหี่ยวย่นข้างปาก 😕
ผู้ที่ต้องการเพิ่มปริมาตรให้กับใบหน้าที่ดูโทรม 🍃
ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไปที่เริ่มมีปัญหาผิวเสื่อมสภาพ 🧓
ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและอยู่ได้นาน 🌱
ผู้ที่ต้องการแก้ไขโครงหน้า เช่น กรามหรือคาง ให้ดูชัดเจนยิ่งขึ้น 🧑🎨
ไม่เหมาะกับ: ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร 🤰, ผู้ที่มีโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง, หรือผู้ที่มีการอักเสบหรือติดเชื้อที่ผิวหนังบริเวณที่จะฉีด 🚫
⏱️ เห็นผลเร็วแค่ไหน และอยู่ได้นานเท่าไร?
เห็นผลทันที ⚡: หลังจากการฉีด คุณจะเห็นผลลัพธ์ทันทีในเรื่องของการเติมเต็มและยกกระชับ
ผลลัพธ์ดีขึ้นเรื่อยๆ 📈: หลังจาก 4-8 สัปดาห์ ผลลัพธ์จะดีขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากการกระตุ้นคอลลาเจน
ความอยู่ทน ⏳: ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว อายุ และพฤติกรรมการดูแลผิว บางรายอาจอยู่ได้นานถึง 2 ปี ในกรณีที่ดูแลผิวดีและฉีดซ้ำตามคำแนะนำของแพทย์
👍 ข้อดีของ RADIESSE
กระตุ้นคอลลาเจนธรรมชาติ 🧬: ไม่เพียงแต่เติมเต็ม แต่ยังช่วยให้ผิวสร้างคอลลาเจนเองได้
ผลลัพธ์ธรรมชาติ 🌿: ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งหรือดูผิดปกติ
อยู่ได้นาน ⏰: ผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่าฟิลเลอร์ทั่วไปที่เป็น HA (Hyaluronic Acid)
ความปลอดภัยสูง 🛡️: เป็นสารที่คล้ายกับแร่ธาตุในร่างกาย จึงมีความเข้ากันได้ดีกับร่างกาย
ใช้ปริมาณน้อย 💧: ใช้ปริมาณน้อยกว่าฟิลเลอร์ทั่วไปแต่ให้ผลลัพธ์ที่ดี
เหมาะกับการปรับโครงหน้า 🖼️: สามารถใช้ปรับโครงหน้าได้ดี เช่น การเสริมคางหรือกราม
👎 ข้อเสียและข้อควรระวัง
ราคาสูง 💰: มีราคาสูงกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป
ไม่สามารถละลายได้ ⚠️: ต่างจาก HA Filler ที่สามารถละลายได้ด้วย Hyaluronidase หากเกิดปัญหา
อาจเกิดก้อนแข็ง 🔴: หากฉีดไม่ถูกเทคนิคอาจเกิดก้อนแข็งได้
ไม่เหมาะกับทุกบริเวณ 🚫: ไม่เหมาะสำหรับบริเวณริมฝีปากหรือใต้ตาที่ต้องการความอ่อนนุ่ม
อาจมีอาการบวม 😯: อาจมีอาการบวมหลังฉีดมากกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป
ต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์ 👨⚕️: การฉีดต้องทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง เพื่อป้องกันผลข้างเคียง
⚠️ RADIESSE อันตรายหรือไม่?
RADIESSE มีความปลอดภัยสูงเมื่อฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์และได้รับการรับรอง แต่ก็มีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น:
การเกิดรอยฟกช้ำ หรือจ้ำเลือด 🩸
อาการบวม แดง หรือเจ็บบริเวณที่ฉีด ❤️🩹 (มักหายเองภายใน 3-7 วัน)
การติดเชื้อ (พบได้น้อยมาก) 🦠
การเกิดก้อนแข็งหากฉีดผิดเทคนิค 🔴
ภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น การอุดตันของเส้นเลือด (พบได้น้อยมาก) 🚨 ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญเสียเนื้อเยื่อหรือปัญหาอื่นๆ
สำคัญ: ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการฉีด RADIESSE เพื่อลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง
🧖♀️ การเตรียมตัวก่อนฉีด RADIESSE
เพื่อให้การฉีด RADIESSE เป็นไปอย่างปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรเตรียมตัวดังนี้:
งดยาต้านการอักเสบ 💊: งดยาแอสไพริน ยาต้านการอักเสบ (NSAIDs) และสมุนไพรบางชนิด (เช่น กระเทียม, แปะก๊วย) 7-10 วันก่อนฉีด เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดรอยฟกช้ำ
งดแอลกอฮอล์ 🍷: งดดื่มแอลกอฮอล์ 24-48 ชั่วโมงก่อนฉีด
แจ้งประวัติการแพ้ 📋: แจ้งแพทย์หากมีประวัติการแพ้ยา สารใดๆ หรือมีโรคประจำตัว
งดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวบางชนิด 🧴: งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Retinol, AHA, BHA 3-5 วันก่อนฉีด เพื่อป้องกันการระคายเคือง
มาพบแพทย์ด้วยใบหน้าสะอาด 🧼: ไม่แต่งหน้ามาในวันที่ฉีด เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ
นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 😴: เพื่อให้ร่างกายพร้อมสำหรับการฟื้นตัว
หลีกเลี่ยงการทำทรีตเมนต์อื่น 🚫: งดทำเลเซอร์หรือทรีตเมนต์ที่รุนแรงต่อผิวก่อนฉีดอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
🌿 การดูแลตัวเองหลังฉีด RADIESSE
การดูแลตัวเองหลังฉีดเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง:
ประคบเย็น ❄️: ประคบเย็นบริเวณที่ฉีดเพื่อลดอาการบวม (ประคบ 15 นาที เว้น 15 นาที) ในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก
หลีกเลี่ยงการนวดหรือกดบริเวณที่ฉีด 👐: อย่านวดหรือกดบริเวณที่ฉีดเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการเคลื่อนของสารเติมเต็ม
งดออกกำลังกายหนัก 🏋️♀️: งดออกกำลังกายหนักเป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง เพื่อลดการไหลเวียนเลือดที่อาจทำให้บวมมากขึ้น
งดซาวน่า อบไอน้ำ 🧖♀️: งดเข้าซาวน่า อบไอน้ำ หรือแช่น้ำร้อนเป็นเวลา 1 สัปดาห์
งดแอลกอฮอล์ 🍸: งดดื่มแอลกอฮอล์ 24-48 ชั่วโมงหลังฉีด เพื่อลดความเสี่ยงของการบวมและรอยฟกช้ำ
ทาครีมกันแดด ☀️: ใช้ครีมกันแดด SPF 50+ ทุกวัน เพื่อปกป้องผิวที่อาจบอบบางหลังฉีด
นอนหงาย 🛌: ควรนอนหงายและยกศีรษะสูงในคืนแรกหลังฉีด เพื่อลดแรงกดทับบริเวณที่ฉีด
หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าหนัก 💄: งดแต่งหน้าหนักใน 24 ชั่วโมงแรกหลังฉีด
ดื่มน้ำให้เพียงพอ 💧: เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นและช่วยในการฟื้นตัว
สังเกตอาการผิดปกติ 👀: หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวด บวม แดงมาก หรือมีอาการแปลกๆ ให้รีบติดต่อแพทย์ทันที
🔍 สรุป
RADIESSE เป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอยลึก และต้องการผลลัพธ์ที่อยู่ได้นาน โดยไม่เพียงแต่เติมเต็มเท่านั้น แต่ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ ทำให้ผิวกระชับและดูอ่อนเยาว์ขึ้น 🌟 อย่างไรก็ตาม การเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการฉีดเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด 👨⚕️👩⚕️
การตัดสินใจฉีด RADIESSE ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังหรือศัลยกรรมความงามเพื่อประเมินความเหมาะสมกับสภาพผิวและความต้องการของคุณ 💯 หากคุณมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ RADIESSE หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับขั้นตอนการรักษา อย่าลังเลที่จะถามเพิ่มเติมนะคะ! 💬
🔄 RADIESSE แตกต่างจากหัตถการอื่นอย่างไร? ✨
RADIESSE มีความโดดเด่นและแตกต่างจากหัตถการอื่น ๆ ในหลายด้าน มาดูการเปรียบเทียบแบบเจาะลึกกันค่ะ 📊:
RADIESSE 💎RADIESSE ใช้วัสดุหลักคือ Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ซึ่งทำงานโดยการเติมเต็มปริมาตรทันทีและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว มีความคงทนอยู่ที่ 12-18 เดือน จุดเด่นคือสามารถปรับโครงหน้าได้ดี เช่น เติมร่องแก้มหรือปรับกรามให้ชัดเจน และให้ผลลัพธ์ระยะยาว แต่ข้อเสียคือไม่สามารถสลายได้ทันทีหากมีปัญหา และมีราคาค่อนข้างสูง 🌟
Sculptra 🌿Sculptra ใช้วัสดุ Poly-L-Lactic Acid (PLLA) ที่เน้นกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเป็นหลัก มีความคงทนยาวนานถึง 18-24 เดือน จุดเด่นคือให้ผลระยะยาวและฟื้นฟูผิวจากภายใน ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ แต่ผลลัพธ์จะไม่ปรากฏทันที ต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ และไม่เหมาะสำหรับการเติมเต็มปริมาตรในทันทีเมื่อเทียบกับ RADIESSE 🍃
Juvederm 💧Juvederm เป็นฟิลเลอร์ประเภท Hyaluronic Acid (HA) ที่เติมเต็มปริมาตรด้วยความชุ่มชื้น มีความคงทน 6-12 เดือน (ขึ้นอยู่กับรุ่น) จุดเด่นคือปลอดภัยสูง เหมาะสำหรับการเติมเต็มริมฝีปากหรือร่องใต้ตา และสามารถสลายได้ทันทีหากมีปัญหา แต่ข้อเสียคือผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นานเท่า RADIESSE และต้องทำซ้ำบ่อยกว่า 💦
Restylane 🌸Restylane ก็เป็นฟิลเลอร์ Hyaluronic Acid (HA) เช่นเดียวกับ Juvederm มีความคงทน 6-12 เดือน (ขึ้นอยู่กับรุ่น) จุดเด่นคือปลอดภัยและสามารถสลายได้ทันที เหมาะสำหรับการเติมเต็มร่องลึกและเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว แต่ผลลัพธ์คงทนสั้นกว่า RADIESSE และต้องทำซ้ำบ่อยเช่นกัน ความแตกต่างระหว่าง Restylane กับ Juvederm มักอยู่ที่เทคโนโลยีการผลิตและความหนืดของเนื้อเจล 🌺
Botox 💉Botox ใช้สาร Botulinum Toxin Type A ที่ยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อเพื่อลดริ้วรอยจากการเคลื่อนไหว เช่น รอยย่นหน้าผากหรือตีนกา มีความคงทนเพียง 3-6 เดือน จุดเด่นคือช่วยลดริ้วรอยได้ดีและฟื้นตัวเร็ว แต่ไม่ช่วยเติมเต็มปริมาตรเหมือน RADIESSE และต้องทำซ้ำบ่อย 💊
Thread Lift 🧵Thread Lift ใช้เส้นใยละลายได้ เช่น PDO หรือ PLLA เพื่อยกกระชับผิว มีความคงทน 6-12 เดือน จุดเด่นคือช่วยยกกระชับโดยไม่ต้องผ่าตัด เช่น ยกคิ้วหรือกระชับแก้ม และกระตุ้นคอลลาเจน แต่ข้อเสียคือเจ็บมาก ใช้เวลาฟื้นตัวนาน และมีความเสี่ยงสูงเมื่อเทียบกับ RADIESSE ที่เน้นการเติมเต็มมากกว่าการยกกระชับ 🪡
HIFU/Ulthera 📡HIFU หรือ Ulthera ใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนด้วยความร้อน มีความคงทน 12-18 เดือน จุดเด่นคือไม่ต้องฉีดและไม่มีแผล เหมาะสำหรับการยกกระชับผิวหย่อนคล้อย แต่ข้อเสียคือไม่ช่วยเติมเต็มปริมาตรเหมือน RADIESSE ผลลัพธ์ปรากฏช้า และรู้สึกเจ็บขณะทำ 🌊
PRP (Platelet-Rich Plasma) 🩸PRP ใช้พลาสมาจากเลือดของตัวเองเพื่อฟื้นฟูผิวด้วยเกล็ดเลือด มีความคงทน 3-6 เดือน จุดเด่นคือปลอดภัยเพราะใช้สารจากร่างกายเอง ช่วยให้ผิวดูสดใสและอ่อนเยาว์ แต่ข้อเสียคือผลลัพธ์ไม่แน่นอนและต้องทำหลายครั้ง เมื่อเทียบกับ RADIESSE ที่ให้ผลลัพธ์ชัดเจนกว่าในเรื่องการเติมเต็มและปรับโครงหน้า 💉

ความคิดเห็น