
RADIESSE (เรเดียสซ์)ใช้ร่วมกับหัตถการอื่นได้ไหม
- วันวิสาข์ 2540
- 21 ก.ย.
- ยาว 3 นาที
RADIESSE เป็นสารเติมเต็ม (Dermal Filler) ชนิดพิเศษจากสหรัฐอเมริกา ที่ไม่เพียงแค่เติมเต็มริ้วรอย แต่ยังช่วยฟื้นฟูผิวจากภายใน ด้วยส่วนประกอบหลักดังนี้:
Calcium Hydroxylapatite (CaHA) 30% - อนุภาคแคลเซียมที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินตามธรรมชาติ 🧬
Carboxymethylcellulose 70% - เจลที่ช่วยเติมเต็มริ้วรอยและร่องลึกทันที 💧
ได้รับการรับรองจาก FDA สหรัฐอเมริกา และ อย. ประเทศไทย ✅
ใช้สำหรับแก้ไขริ้วรอยลึก ปรับโครงหน้า และฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์ 🌱
จุดเด่น: RADIESSE แตกต่างจากฟิลเลอร์ Hyaluronic Acid (HA) ทั่วไป เพราะไม่เพียงแค่เติมเต็ม แต่ยังกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว ทำให้ผิวดูเป็นธรรมชาติและอิ่มฟูจากภายใน 💖
💡 งานวิจัยสนับสนุน: จากวารสาร Dermatologic Surgery (2015) พบว่า RADIESSE ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของผิวได้ถึง 25% ภายใน 6 เดือนหลังฉีด
💵 ราคาและปริมาณ
ราคา: 29,999 บาท/กล่อง 💰
ปริมาณ: 1.5 มล. ต่อกล่อง 📏
การใช้งาน: ใช้ได้ 1-2 บริเวณ ขึ้นอยู่กับปัญหาและการออกแบบการรักษา เช่น ร่องแก้ม คาง หรือกราม 🔍
หมายเหตุ: ราคาอาจแตกต่างกันไปตามคลินิก และอาจมีโปรโมชั่นพิเศษในบางช่วง 🎁
💡 เคล็ดลับ: ควรตรวจสอบผลิตภัณฑ์ว่าเป็นของแท้ 100% โดยดูจากล็อตผลิตภัณฑ์และกล่องที่ปิดผนึกอย่างดี
🤝 การใช้ร่วมกับหัตถการอื่น
RADIESSE สามารถใช้ร่วมกับหัตถการอื่นได้ เพื่อผลลัพธ์ที่ครอบคลุมและเหมาะสมกับความต้องการของแต่ละบุคคล แต่ต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ 🩺
✅ หัตถการที่ใช้ร่วมได้:
โบท็อกซ์ (Botox) 💉
ทำร่วมกันได้ในวันเดียวกัน
โบท็อกซ์ช่วยลดริ้วรอยจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ ส่วน RADIESSE เติมเต็มร่องลึกและกระตุ้นคอลลาเจน
ผลลัพธ์เสริมกันเพื่อใบหน้าที่เรียบเนียนและสมส่วน
เทคโนโลยีกระชับผิว เช่น Ulthera, Thermage 🔥
ควรทำ RADIESSE หลังจาก Ulthera หรือ Thermage 2-4 สัปดาห์
ช่วยเสริมการยกกระชับและเพิ่มความกระชับของผิว
เพิ่มประสิทธิภาพการกระตุ้นคอลลาเจนจากทั้งสองหัตถการ
เลเซอร์ฟื้นฟูผิว (Laser Resurfacing) ✨
ควรเว้นระยะ 2-4 สัปดาห์ก่อนหรือหลังทำ RADIESSE
เลเซอร์ช่วยปรับสภาพผิวชั้นนอก ขณะที่ RADIESSE ทำงานในชั้นลึก
เสริมกันเพื่อผิวที่เนียนใสและอิ่มฟู
ร้อยไหม (Thread Lift)
ควรทำ RADIESSE หลังร้อยไหม 2-4 สัปดาห์
ร้อยไหมช่วยยกโครงสร้างใบหน้า ส่วน RADIESSE เติมเต็มและฟื้นฟู
ผลลัพธ์คือใบหน้าที่ยกกระชับและดูเป็นธรรมชาติ
⚠️ หัตถการที่ควรเว้นระยะหรือระวัง:
การปอกผิวด้วยสารเคมี (Chemical Peels) 🧴
ควรเว้นระยะอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนหรือหลังฉีด RADIESSE
เพื่อให้ผิวฟื้นตัวเต็มที่และลดความเสี่ยงต่อการระคายเคือง
ไมโครนีดลิ้ง (Microneedling) 🔍
ควรเว้นระยะอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อหรือการกระจายของสาร
PRP (Platelet-Rich Plasma) 🩸
สามารถทำร่วมกันได้ แต่ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนที่เหมาะสม
บางกรณีอาจผสม PRP กับ RADIESSE เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการฟื้นฟู
💡 คำแนะนำ: การทำหัตถการร่วมกันควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อวางแผนการรักษาแบบองค์รวมและลดความเสี่ยง
👥 เหมาะกับใคร?
✅ เหมาะสำหรับ:
อายุ 30-55 ปี ที่เริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยหรือริ้วรอยลึก 👩💼👨💼
ผู้ที่มี ริ้วรอยลึก เช่น ร่องแก้ม (Nasolabial Folds), ร่องน้ำหมาก (Marionette Lines) 😕
ผู้ที่ต้องการ ปรับโครงหน้า เช่น เติมคาง, กราม, โหนกแก้ม ให้ดูสมส่วน 🤔
ผู้ที่ต้องการ ฟื้นฟูผิว ให้ดูอ่อนเยาว์และกระชับจากภายใน 👵➡️👧
ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ เป็นธรรมชาติ และยาวนาน 🌿
❌ ไม่เหมาะสำหรับ:
สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร 🤰🤱
ผู้ที่มีโรคภูมิแพ้รุนแรงหรือแพ้ส่วนประกอบของ RADIESSE 🤧
ผู้ที่มีแผลอักเสบหรือติดเชื้อที่ผิวหนังในบริเวณที่จะฉีด 🩹
ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น โรคเลือดออกง่าย (ควรแจ้งแพทย์ก่อน) 💊
💡 เคล็ดลับ: ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิวและออกแบบการรักษาที่เหมาะสมกับปัญหาเฉพาะบุคคล
จุดที่นิยมฉีด: ร่องแก้ม, ร่องน้ำหมาก, กราม, คาง, โหนกแก้ม, ขมับ
⏰ เห็นผลเลยไหม? ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน?
🔍 ไทม์ไลน์ผลลัพธ์:
ทันทีหลังฉีด ✨เห็นผลการเติมเต็มร่องลึกและริ้วรอยทันที
โครงหน้าดูชัดเจนขึ้น เช่น คางหรือกรามที่สมส่วน
2-4 สัปดาห์ 📈
ผิวเริ่มกระชับจากคอลลาเจนที่เริ่มสร้าง
ริ้วรอยตื้นขึ้น ผิวดูเด้งและอิ่มน้ำมากขึ้น3-6 เดือน 🌱
ผลลัพธ์สมบูรณ์จากคอลลาเจน Type I, III และอิลาสตินที่เพิ่มขึ้นถึง 30%
ผิวดูอิ่มฟู กระชับ และอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ
💡 หมายเหตุ: การกระตุ้นคอลลาเจนจะพัฒนาต่อเนื่อง ทำให้ผลลัพธ์ดีขึ้นตามเวลา
🗓️ ระยะเวลาที่ผลลัพธ์คงอยู่:
โดยเฉลี่ย 12-18 เดือน ⏳
บางรายอาจอยู่ได้นานถึง 24 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว อายุ และการดูแลหลังฉีด 🕰️
ผลลัพธ์อาจสั้นลงหากไม่ดูแลผิว เช่น โดนแดดจัด, สูบบุหรี่, หรือดื่มแอลกอฮอล์บ่อย 🚬🍷
💡 เคล็ดลับ: การดูแลผิวอย่างเหมาะสมและการทำซ้ำตามคำแนะนำของแพทย์จะช่วยยืดผลลัพธ์ให้ยาวนานขึ้น
👍 ข้อดี vs 👎 ข้อเสีย
🌟 ข้อดีของ RADIESSE:
✅ ผลลัพธ์ 2-in-1: เติมเต็มทันที + กระตุ้นคอลลาเจนและอิลาสติน
✅ ผลลัพธ์ยาวนาน 12-18 เดือน (บางรายถึง 2 ปี)
✅ ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งตึง
✅ ช่วยฟื้นฟูผิวจากภายในสู่ภายนอก
✅ ความปลอดภัยสูง ผ่านการรับรองจาก FDA และ อย.
✅ เหมาะกับหลายปัญหา เช่น ริ้วรอยลึก, ผิวหย่อนคล้อย, ปรับโครงหน้า
✅ ลดความถี่ในการทำซ้ำ คุ้มค่าระยะยาว
✅ สามารถใช้ร่วมกับหัตถการอื่นได้ เช่น โบท็อกซ์, เลเซอร์, ร้อยไหม
⚠️ ข้อเสีย/ข้อจำกัด:
❌ ราคาค่อนข้างสูง (29,999 บาท/กล่อง)
❌ ไม่สามารถสลายได้เหมือนฟิลเลอร์ HA หากฉีดผิดตำแหน่งต้องรอให้สลายเอง
❌ ผลลัพธ์ด้านคอลลาเจนใช้เวลา 2-3 เดือนจึงเห็นชัดเจนเต็มที่
❌ ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
❌ มีผลข้างเคียงชั่วคราว เช่น บวม, ช้ำ, แดง
❌ ไม่เหมาะกับบางกลุ่ม เช่น สตรีมีครรภ์, ผู้ที่มีโรคภูมิแพ้รุนแรง
❌ ต้องวางแผนการทำร่วมกับหัตถการอื่นอย่างรอบคอบ
🛡️ อันตรายไหม? ความปลอดภัยและผลข้างเคียง
RADIESSE มีความปลอดภัยสูง เมื่อทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในคลินิกที่ได้มาตรฐาน และใช้ผลิตภัณฑ์แท้ที่ผ่านการรับรอง 🏥 อย่างไรก็ตาม ยังมีผลข้างเคียงที่ควรทราบ:
😌 ผลข้างเคียงทั่วไป (พบได้บ่อย, ไม่รุนแรง):
🟣 รอยช้ำบริเวณที่ฉีด (หายภายใน 5-10 วัน)
💭 อาการบวม (หายภายใน 3-7 วัน)
🔴 รอยแดง (หายภายใน 2-3 วัน)
😣 อาการเจ็บหรือตึงเล็กน้อย (หายภายใน 1-3 วัน)
🚨 ผลข้างเคียงที่พบได้น้อย (รุนแรง):
🦠 การติดเชื้อ (หากไม่รักษาความสะอาด)
💎 ก้อนแข็งใต้ผิว (หากฉีดไม่ถูกชั้นผิว)
🩸 การอุดตันหลอดเลือด (พบน้อยมาก, ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ)
🧪 ปฏิกิริยาแพ้ (พบน้อยมาก)
ข้อมูลความปลอดภัย:
RADIESSE ผ่านการทดสอบทางคลินิกมากกว่า 200 การศึกษา 📚
ใช้ในกว่า 50 ประเทศทั่วโลก 🌍
มีประวัติการใช้งานในวงการความงามมานานกว่า 20 ปี 🕰️
💡 คำแนะนำสำคัญ: เลือกคลินิกและแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง ใช้ผลิตภัณฑ์แท้ และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดเพื่อลดความเสี่ยง
🚨 กรณีฉุกเฉิน: หากมีอาการผิดปกติรุนแรง เช่น ปวดมาก, บวมมาก, หรือผิวเปลี่ยนสี ให้รีบพบแพทย์ทันที
🔄 วิธีดูแลตัวเองก่อนและหลังฉีด
การดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมทั้งก่อนและหลังฉีด RADIESSE จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของผลลัพธ์และลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียง 🛡️
🕒 ก่อนฉีด (7-14 วัน):
💊 งดยาต้านการอักเสบ เช่น Aspirin, Ibuprofen เพื่อลดความเสี่ยงจากรอยช้ำ
🌿 งดอาหารเสริมที่ทำให้เลือดแข็งตัวช้า เช่น วิตามิน E, น้ำมันปลา, โสม
🍷 งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
📝 แจ้งประวัติการแพ้ยา, โรคประจำตัว, และการรักษาอื่นๆ กับแพทย์
🧖♀️ หลีกเลี่ยงการทำทรีตเมนต์หน้าที่รุนแรง เช่น เลเซอร์หรือปอกผิว
📅 วางแผนการทำหัตถการอื่นๆ ให้เหมาะสมตามคำแนะนำของแพทย์
🕒 หลังฉีด (ทันที-14 วัน):
❄️ ประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมใน 24-48 ชั่วโมงแรก
👐 งดนวดหรือกดบริเวณที่ฉีดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการเคลื่อนของสาร
☀️ ทาครีมกันแดด SPF 50+ ทุกวันเพื่อปกป้องผิว
🏋️♀️ งดออกกำลังกายหนัก, ซาวน่า, หรืออบไอน้ำ 7 วัน
🍷 งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ 7 วัน
💧 ดื่มน้ำมากๆ เพื่อช่วยฟื้นฟูผิวจากภายใน
📱 ติดตามผลกับแพทย์ และปรึกษาทันทีหากมีข้อสงสัยหรืออาการผิดปกติ
⏰ เว้นระยะเวลาที่เหมาะสมก่อนทำหัตถการอื่นๆ ตามคำแนะนำ
💡 เคล็ดลับ: การปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดจะช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้นและลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงได้ถึง 90%
💎 สรุป: RADIESSE เหมาะกับคุณหรือไม่?
RADIESSE (เรเดียสซ์) เป็นนวัตกรรมเพื่อความงามที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนานและเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นการเติมเต็มริ้วรอยลึก ปรับโครงหน้า หรือฟื้นฟูผิวจากภายใน ด้วยความสามารถในการกระตุ้นคอลลาเจนและอิลาสติน ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์อย่างยั่งยืน 🌿
จุดเด่นที่สำคัญ:
ผลลัพธ์ 2-in-1: เติมเต็มทันที + ฟื้นฟูผิวในระยะยาว ✨
อยู่ได้นาน 12-18 เดือน (บางรายถึง 2 ปี) ⏳
สามารถใช้ร่วมกับหัตถการอื่นได้ เช่น โบท็อกซ์, เลเซอร์, ร้อยไหม 🤝
ความปลอดภัยสูงเมื่อทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ 🛡️
สิ่งที่ควรพิจารณา:
ราคาค่อนข้างสูง (29,999 บาท/กล่อง) 💰
ต้องใช้เวลาเห็นผลด้านคอลลาเจนเต็มที่ (2-3 เดือน) ⏰
ต้องเลือกคลินิกและแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง 🩺
💫 คำแนะนำสุดท้าย: หากคุณกำลังมองหาวิธีแก้ไขริ้วรอยลึกหรือปรับโครงหน้าที่ให้ผลลัพธ์ยาวนานและเป็นธรรมชาติ RADIESSE อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินสภาพผิวและวางแผนการรักษาที่เหมาะกับคุณโดยเฉพาะ รวมถึงการทำหัตถการร่วมอื่นๆ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
หากมีคำถามเพิ่มเติมหรือต้องการข้อมูลในด้านใดเป็นพิเศษ อย่าลังเลที่จะถามนะคะ! 💬💕
🔄 RADIESSE แตกต่างจากหัตถการอื่นอย่างไร? ✨
RADIESSE มีความโดดเด่นและแตกต่างจากหัตถการอื่น ๆ ในหลายด้าน มาดูการเปรียบเทียบแบบเจาะลึกกันค่ะ 📊:
RADIESSE 💎RADIESSE ใช้วัสดุหลักคือ Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ซึ่งทำงานโดยการเติมเต็มปริมาตรทันทีและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว มีความคงทนอยู่ที่ 12-18 เดือน จุดเด่นคือสามารถปรับโครงหน้าได้ดี เช่น เติมร่องแก้มหรือปรับกรามให้ชัดเจน และให้ผลลัพธ์ระยะยาว แต่ข้อเสียคือไม่สามารถสลายได้ทันทีหากมีปัญหา และมีราคาค่อนข้างสูง 🌟Sculptra 🌿Sculptra ใช้วัสดุ Poly-L-Lactic Acid (PLLA) ที่เน้นกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเป็นหลัก มีความคงทนยาวนานถึง 18-24 เดือน จุดเด่นคือให้ผลระยะยาวและฟื้นฟูผิวจากภายใน ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ แต่ผลลัพธ์จะไม่ปรากฏทันที ต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ และไม่เหมาะสำหรับการเติมเต็มปริมาตรในทันทีเมื่อเทียบกับ RADIESSE 🍃
Juvederm 💧Juvederm เป็นฟิลเลอร์ประเภท Hyaluronic Acid (HA) ที่เติมเต็มปริมาตรด้วยความชุ่มชื้น มีความคงทน 6-12 เดือน (ขึ้นอยู่กับรุ่น) จุดเด่นคือปลอดภัยสูง เหมาะสำหรับการเติมเต็มริมฝีปากหรือร่องใต้ตา และสามารถสลายได้ทันทีหากมีปัญหา แต่ข้อเสียคือผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นานเท่า RADIESSE และต้องทำซ้ำบ่อยกว่า 💦
Restylane 🌸Restylane ก็เป็นฟิลเลอร์ Hyaluronic Acid (HA) เช่นเดียวกับ Juvederm มีความคงทน 6-12 เดือน (ขึ้นอยู่กับรุ่น) จุดเด่นคือปลอดภัยและสามารถสลายได้

ความคิดเห็น