top of page
ค้นหา

RADIESSE (เรเดียสซ์)ใช้ร่วมกับหัตถการอื่นได้ไหม

Calcium Hydroxylapatite (CaHA) 30% - อนุภาคแคลเซียมที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินตามธรรมชาติ 🧬

Carboxymethylcellulose 70% - เจลที่ช่วยเติมเต็มริ้วรอยและร่องลึกทันที 💧

ได้รับการรับรองจาก FDA สหรัฐอเมริกา และ อย. ประเทศไทย ✅

ใช้สำหรับแก้ไขริ้วรอยลึก ปรับโครงหน้า และฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์ 🌱

จุดเด่น: RADIESSE แตกต่างจากฟิลเลอร์ Hyaluronic Acid (HA) ทั่วไป เพราะไม่เพียงแค่เติมเต็ม แต่ยังกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว ทำให้ผิวดูเป็นธรรมชาติและอิ่มฟูจากภายใน 💖

💡 งานวิจัยสนับสนุน: จากวารสาร Dermatologic Surgery (2015) พบว่า RADIESSE ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของผิวได้ถึง 25% ภายใน 6 เดือนหลังฉีด

💵 ราคาและปริมาณ

ราคา: 29,999 บาท/กล่อง 💰

ปริมาณ: 1.5 มล. ต่อกล่อง 📏

การใช้งาน: ใช้ได้ 1-2 บริเวณ ขึ้นอยู่กับปัญหาและการออกแบบการรักษา เช่น ร่องแก้ม คาง หรือกราม 🔍

หมายเหตุ: ราคาอาจแตกต่างกันไปตามคลินิก และอาจมีโปรโมชั่นพิเศษในบางช่วง 🎁

💡 เคล็ดลับ: ควรตรวจสอบผลิตภัณฑ์ว่าเป็นของแท้ 100% โดยดูจากล็อตผลิตภัณฑ์และกล่องที่ปิดผนึกอย่างดี

🤝 การใช้ร่วมกับหัตถการอื่น

RADIESSE สามารถใช้ร่วมกับหัตถการอื่นได้ เพื่อผลลัพธ์ที่ครอบคลุมและเหมาะสมกับความต้องการของแต่ละบุคคล แต่ต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ 🩺

✅ หัตถการที่ใช้ร่วมได้:

โบท็อกซ์ (Botox) 💉

ทำร่วมกันได้ในวันเดียวกัน

โบท็อกซ์ช่วยลดริ้วรอยจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ ส่วน RADIESSE เติมเต็มร่องลึกและกระตุ้นคอลลาเจน

ผลลัพธ์เสริมกันเพื่อใบหน้าที่เรียบเนียนและสมส่วน

เทคโนโลยีกระชับผิว เช่น Ulthera, Thermage 🔥

ควรทำ RADIESSE หลังจาก Ulthera หรือ Thermage 2-4 สัปดาห์

ช่วยเสริมการยกกระชับและเพิ่มความกระชับของผิว

เพิ่มประสิทธิภาพการกระตุ้นคอลลาเจนจากทั้งสองหัตถการ

เลเซอร์ฟื้นฟูผิว (Laser Resurfacing) ✨

ควรเว้นระยะ 2-4 สัปดาห์ก่อนหรือหลังทำ RADIESSE

เลเซอร์ช่วยปรับสภาพผิวชั้นนอก ขณะที่ RADIESSE ทำงานในชั้นลึก

เสริมกันเพื่อผิวที่เนียนใสและอิ่มฟู

ร้อยไหม (Thread Lift) 

ควรทำ RADIESSE หลังร้อยไหม 2-4 สัปดาห์

ร้อยไหมช่วยยกโครงสร้างใบหน้า ส่วน RADIESSE เติมเต็มและฟื้นฟู

ผลลัพธ์คือใบหน้าที่ยกกระชับและดูเป็นธรรมชาติ

⚠️ หัตถการที่ควรเว้นระยะหรือระวัง:

การปอกผิวด้วยสารเคมี (Chemical Peels) 🧴

ควรเว้นระยะอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนหรือหลังฉีด RADIESSE

เพื่อให้ผิวฟื้นตัวเต็มที่และลดความเสี่ยงต่อการระคายเคือง

ไมโครนีดลิ้ง (Microneedling) 🔍

ควรเว้นระยะอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อหรือการกระจายของสาร

PRP (Platelet-Rich Plasma) 🩸

สามารถทำร่วมกันได้ แต่ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนที่เหมาะสม

บางกรณีอาจผสม PRP กับ RADIESSE เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการฟื้นฟู

💡 คำแนะนำ: การทำหัตถการร่วมกันควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อวางแผนการรักษาแบบองค์รวมและลดความเสี่ยง

👥 เหมาะกับใคร?

✅ เหมาะสำหรับ:

อายุ 30-55 ปี ที่เริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยหรือริ้วรอยลึก 👩‍💼👨‍💼

ผู้ที่มี ริ้วรอยลึก เช่น ร่องแก้ม (Nasolabial Folds), ร่องน้ำหมาก (Marionette Lines) 😕

ผู้ที่ต้องการ ปรับโครงหน้า เช่น เติมคาง, กราม, โหนกแก้ม ให้ดูสมส่วน 🤔

ผู้ที่ต้องการ ฟื้นฟูผิว ให้ดูอ่อนเยาว์และกระชับจากภายใน 👵➡️👧

ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ เป็นธรรมชาติ และยาวนาน 🌿

❌ ไม่เหมาะสำหรับ:

สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร 🤰🤱

ผู้ที่มีโรคภูมิแพ้รุนแรงหรือแพ้ส่วนประกอบของ RADIESSE 🤧

ผู้ที่มีแผลอักเสบหรือติดเชื้อที่ผิวหนังในบริเวณที่จะฉีด 🩹

ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น โรคเลือดออกง่าย (ควรแจ้งแพทย์ก่อน) 💊

💡 เคล็ดลับ: ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิวและออกแบบการรักษาที่เหมาะสมกับปัญหาเฉพาะบุคคล

จุดที่นิยมฉีด: ร่องแก้ม, ร่องน้ำหมาก, กราม, คาง, โหนกแก้ม, ขมับ

⏰ เห็นผลเลยไหม? ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน?

🔍 ไทม์ไลน์ผลลัพธ์:

ทันทีหลังฉีด ✨เห็นผลการเติมเต็มร่องลึกและริ้วรอยทันที

โครงหน้าดูชัดเจนขึ้น เช่น คางหรือกรามที่สมส่วน

2-4 สัปดาห์ 📈

ผิวเริ่มกระชับจากคอลลาเจนที่เริ่มสร้าง

ริ้วรอยตื้นขึ้น ผิวดูเด้งและอิ่มน้ำมากขึ้น3-6 เดือน 🌱

ผลลัพธ์สมบูรณ์จากคอลลาเจน Type I, III และอิลาสตินที่เพิ่มขึ้นถึง 30%

ผิวดูอิ่มฟู กระชับ และอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ

💡 หมายเหตุ: การกระตุ้นคอลลาเจนจะพัฒนาต่อเนื่อง ทำให้ผลลัพธ์ดีขึ้นตามเวลา

🗓️ ระยะเวลาที่ผลลัพธ์คงอยู่:

โดยเฉลี่ย 12-18 เดือน ⏳

บางรายอาจอยู่ได้นานถึง 24 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว อายุ และการดูแลหลังฉีด 🕰️

ผลลัพธ์อาจสั้นลงหากไม่ดูแลผิว เช่น โดนแดดจัด, สูบบุหรี่, หรือดื่มแอลกอฮอล์บ่อย 🚬🍷

💡 เคล็ดลับ: การดูแลผิวอย่างเหมาะสมและการทำซ้ำตามคำแนะนำของแพทย์จะช่วยยืดผลลัพธ์ให้ยาวนานขึ้น

👍 ข้อดี vs 👎 ข้อเสีย

🌟 ข้อดีของ RADIESSE:

✅ ผลลัพธ์ 2-in-1: เติมเต็มทันที + กระตุ้นคอลลาเจนและอิลาสติน

✅ ผลลัพธ์ยาวนาน 12-18 เดือน (บางรายถึง 2 ปี)

✅ ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งตึง

✅ ช่วยฟื้นฟูผิวจากภายในสู่ภายนอก

✅ ความปลอดภัยสูง ผ่านการรับรองจาก FDA และ อย.

✅ เหมาะกับหลายปัญหา เช่น ริ้วรอยลึก, ผิวหย่อนคล้อย, ปรับโครงหน้า

✅ ลดความถี่ในการทำซ้ำ คุ้มค่าระยะยาว

✅ สามารถใช้ร่วมกับหัตถการอื่นได้ เช่น โบท็อกซ์, เลเซอร์, ร้อยไหม

⚠️ ข้อเสีย/ข้อจำกัด:

❌ ราคาค่อนข้างสูง (29,999 บาท/กล่อง)

❌ ไม่สามารถสลายได้เหมือนฟิลเลอร์ HA หากฉีดผิดตำแหน่งต้องรอให้สลายเอง

❌ ผลลัพธ์ด้านคอลลาเจนใช้เวลา 2-3 เดือนจึงเห็นชัดเจนเต็มที่

❌ ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

❌ มีผลข้างเคียงชั่วคราว เช่น บวม, ช้ำ, แดง

❌ ไม่เหมาะกับบางกลุ่ม เช่น สตรีมีครรภ์, ผู้ที่มีโรคภูมิแพ้รุนแรง

❌ ต้องวางแผนการทำร่วมกับหัตถการอื่นอย่างรอบคอบ

🛡️ อันตรายไหม? ความปลอดภัยและผลข้างเคียง

RADIESSE มีความปลอดภัยสูง เมื่อทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในคลินิกที่ได้มาตรฐาน และใช้ผลิตภัณฑ์แท้ที่ผ่านการรับรอง 🏥 อย่างไรก็ตาม ยังมีผลข้างเคียงที่ควรทราบ:

😌 ผลข้างเคียงทั่วไป (พบได้บ่อย, ไม่รุนแรง):

🟣 รอยช้ำบริเวณที่ฉีด (หายภายใน 5-10 วัน)

💭 อาการบวม (หายภายใน 3-7 วัน)

🔴 รอยแดง (หายภายใน 2-3 วัน)

😣 อาการเจ็บหรือตึงเล็กน้อย (หายภายใน 1-3 วัน)

🚨 ผลข้างเคียงที่พบได้น้อย (รุนแรง):

🦠 การติดเชื้อ (หากไม่รักษาความสะอาด)

💎 ก้อนแข็งใต้ผิว (หากฉีดไม่ถูกชั้นผิว)

🩸 การอุดตันหลอดเลือด (พบน้อยมาก, ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ)

🧪 ปฏิกิริยาแพ้ (พบน้อยมาก)

ข้อมูลความปลอดภัย:

RADIESSE ผ่านการทดสอบทางคลินิกมากกว่า 200 การศึกษา 📚

ใช้ในกว่า 50 ประเทศทั่วโลก 🌍

มีประวัติการใช้งานในวงการความงามมานานกว่า 20 ปี 🕰️

💡 คำแนะนำสำคัญ: เลือกคลินิกและแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง ใช้ผลิตภัณฑ์แท้ และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดเพื่อลดความเสี่ยง

🚨 กรณีฉุกเฉิน: หากมีอาการผิดปกติรุนแรง เช่น ปวดมาก, บวมมาก, หรือผิวเปลี่ยนสี ให้รีบพบแพทย์ทันที

🔄 วิธีดูแลตัวเองก่อนและหลังฉีด

การดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมทั้งก่อนและหลังฉีด RADIESSE จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของผลลัพธ์และลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียง 🛡️

🕒 ก่อนฉีด (7-14 วัน):

💊 งดยาต้านการอักเสบ เช่น Aspirin, Ibuprofen เพื่อลดความเสี่ยงจากรอยช้ำ

🌿 งดอาหารเสริมที่ทำให้เลือดแข็งตัวช้า เช่น วิตามิน E, น้ำมันปลา, โสม

🍷 งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่

📝 แจ้งประวัติการแพ้ยา, โรคประจำตัว, และการรักษาอื่นๆ กับแพทย์

🧖‍♀️ หลีกเลี่ยงการทำทรีตเมนต์หน้าที่รุนแรง เช่น เลเซอร์หรือปอกผิว

📅 วางแผนการทำหัตถการอื่นๆ ให้เหมาะสมตามคำแนะนำของแพทย์

🕒 หลังฉีด (ทันที-14 วัน):

❄️ ประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมใน 24-48 ชั่วโมงแรก

👐 งดนวดหรือกดบริเวณที่ฉีดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการเคลื่อนของสาร

☀️ ทาครีมกันแดด SPF 50+ ทุกวันเพื่อปกป้องผิว

🏋️‍♀️ งดออกกำลังกายหนัก, ซาวน่า, หรืออบไอน้ำ 7 วัน

🍷 งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ 7 วัน

💧 ดื่มน้ำมากๆ เพื่อช่วยฟื้นฟูผิวจากภายใน

📱 ติดตามผลกับแพทย์ และปรึกษาทันทีหากมีข้อสงสัยหรืออาการผิดปกติ

⏰ เว้นระยะเวลาที่เหมาะสมก่อนทำหัตถการอื่นๆ ตามคำแนะนำ

💡 เคล็ดลับ: การปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดจะช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้นและลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงได้ถึง 90%

💎 สรุป: RADIESSE เหมาะกับคุณหรือไม่?

RADIESSE (เรเดียสซ์) เป็นนวัตกรรมเพื่อความงามที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนานและเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นการเติมเต็มริ้วรอยลึก ปรับโครงหน้า หรือฟื้นฟูผิวจากภายใน ด้วยความสามารถในการกระตุ้นคอลลาเจนและอิลาสติน ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์อย่างยั่งยืน 🌿

จุดเด่นที่สำคัญ:

ผลลัพธ์ 2-in-1: เติมเต็มทันที + ฟื้นฟูผิวในระยะยาว ✨

อยู่ได้นาน 12-18 เดือน (บางรายถึง 2 ปี) ⏳

สามารถใช้ร่วมกับหัตถการอื่นได้ เช่น โบท็อกซ์, เลเซอร์, ร้อยไหม 🤝

ความปลอดภัยสูงเมื่อทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ 🛡️

สิ่งที่ควรพิจารณา:

ราคาค่อนข้างสูง (29,999 บาท/กล่อง) 💰

ต้องใช้เวลาเห็นผลด้านคอลลาเจนเต็มที่ (2-3 เดือน) ⏰

ต้องเลือกคลินิกและแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง 🩺

💫 คำแนะนำสุดท้าย: หากคุณกำลังมองหาวิธีแก้ไขริ้วรอยลึกหรือปรับโครงหน้าที่ให้ผลลัพธ์ยาวนานและเป็นธรรมชาติ RADIESSE อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินสภาพผิวและวางแผนการรักษาที่เหมาะกับคุณโดยเฉพาะ รวมถึงการทำหัตถการร่วมอื่นๆ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

หากมีคำถามเพิ่มเติมหรือต้องการข้อมูลในด้านใดเป็นพิเศษ อย่าลังเลที่จะถามนะคะ! 💬💕

🔄 RADIESSE แตกต่างจากหัตถการอื่นอย่างไร? ✨

RADIESSE มีความโดดเด่นและแตกต่างจากหัตถการอื่น ๆ ในหลายด้าน มาดูการเปรียบเทียบแบบเจาะลึกกันค่ะ 📊:

RADIESSE 💎RADIESSE ใช้วัสดุหลักคือ Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ซึ่งทำงานโดยการเติมเต็มปริมาตรทันทีและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว มีความคงทนอยู่ที่ 12-18 เดือน จุดเด่นคือสามารถปรับโครงหน้าได้ดี เช่น เติมร่องแก้มหรือปรับกรามให้ชัดเจน และให้ผลลัพธ์ระยะยาว แต่ข้อเสียคือไม่สามารถสลายได้ทันทีหากมีปัญหา และมีราคาค่อนข้างสูง 🌟Sculptra 🌿Sculptra ใช้วัสดุ Poly-L-Lactic Acid (PLLA) ที่เน้นกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเป็นหลัก มีความคงทนยาวนานถึง 18-24 เดือน จุดเด่นคือให้ผลระยะยาวและฟื้นฟูผิวจากภายใน ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ แต่ผลลัพธ์จะไม่ปรากฏทันที ต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ และไม่เหมาะสำหรับการเติมเต็มปริมาตรในทันทีเมื่อเทียบกับ RADIESSE 🍃

Juvederm 💧Juvederm เป็นฟิลเลอร์ประเภท Hyaluronic Acid (HA) ที่เติมเต็มปริมาตรด้วยความชุ่มชื้น มีความคงทน 6-12 เดือน (ขึ้นอยู่กับรุ่น) จุดเด่นคือปลอดภัยสูง เหมาะสำหรับการเติมเต็มริมฝีปากหรือร่องใต้ตา และสามารถสลายได้ทันทีหากมีปัญหา แต่ข้อเสียคือผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นานเท่า RADIESSE และต้องทำซ้ำบ่อยกว่า 💦

Restylane 🌸Restylane ก็เป็นฟิลเลอร์ Hyaluronic Acid (HA) เช่นเดียวกับ Juvederm มีความคงทน 6-12 เดือน (ขึ้นอยู่กับรุ่น) จุดเด่นคือปลอดภัยและสามารถสลายได้

 
 
 

โพสต์ล่าสุด

ดูทั้งหมด
เดอร์มาโกลว์(DERMA GLOW)อันตรายไหม

Derma Glow: โปรแกรมการดูแลผิวหน้าด้วย Skin Booster 💉✨ สวัสดีค่ะ! วันนี้เราจะมาพูดถึง Derma Glow ซึ่งเป็นโปรแกรมการดูแลผิวหน้าด้วยการฉีดช...

 
 
 

ความคิดเห็น


ตลาดทาวน่ามาเก็ต 24/140 ม.9 ถ.สุขุมวิทพัทยา53 ซ.เนินพลับหวาน ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี20150

ตลาดทาวน่ามาเก็ต 24/140 ม.9 ถ.สุขุมวิทพัทยา53 ซ.เนินพลับหวาน ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี20150

0626023959

bottom of page