top of page
ค้นหา

ฉีดProfhilo(โปรฟิโล)ที่แก้มได้ผลดีหรือไม่

🏥 เทคโนโลยี Bio Remodeling: Profhilo ไม่ใช่ฟิลเลอร์ทั่วไป แต่ทำงานโดยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยยกกระชับผิวจากภายใน

💎 ประโยชน์ที่ได้รับ:

ผิวแก้มเต่งตึง มีวอลุ่มขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

เพิ่มความชุ่มชื้นล้ำลึก ผิวดูสุขภาพดี

ลดริ้วรอยรอบแก้มและร่องแก้ม

ปรับผิวให้เรียบเนียน เปล่งปลั่ง

🔬 ความเหมาะสม: เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ผิวแห้งกร้าน หรือต้องการปรับโครงหน้าให้ดูอ่อนเยาว์โดยไม่ต้องการผลลัพธ์ที่ดู "เติมเต็ม" เกินไป

🌟 ข้อดี: ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ทำให้หน้าบวมหรือผิดรูป และเหมาะกับทุกสภาพผิว

ข้อควรระวัง: การฉีดต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ และใช้เทคนิคที่เหมาะสม เช่น BAP (Bio Aesthetic Points) เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย 🚨

🔄 จำนวนครั้งที่ต้องฉีดเพื่อเห็นผล

📅 โปรโตคอลมาตรฐาน: ฉีด 2 ครั้ง โดยห่างกัน 4 สัปดาห์ (1 เดือน)

⏰ ระยะเวลาเห็นผล:

เริ่มเห็นผลเบื้องต้นหลังฉีดครั้งแรกประมาณ 1-2 สัปดาห์ (ผิวชุ่มชื้นขึ้น)

ผลลัพธ์ชัดเจนหลังฉีดครั้งที่สองประมาณ 4-8 สัปดาห์ (ผิวกระชับ แก้มเต่งตึง ริ้วรอยลดลง)

🎯 ผลลัพธ์สูงสุด: หลังฉีดครบคอร์ส ผิวแก้มจะดูอิ่มน้ำ เต่งตึง และเรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

🔁 การรักษาผลลัพธ์: แนะนำฉีดกระตุ้นทุก 6-9 เดือน เพื่อคงสภาพผิวให้อ่อนเยาว์ต่อเนื่อง

👤 ปัจจัยที่มีผล:

อายุ: ผู้ที่อายุน้อยมักเห็นผลเร็วกว่า

สภาพผิว: ผิวที่เสียหายมากอาจต้องใช้เวลานานขึ้น

ไลฟ์สไตล์: การพักผ่อนเพียงพอและดื่มน้ำมากช่วยเร่งผลลัพธ์

เคล็ดลับ: การทำตามกำหนดเวลาที่แพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัดจะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุดและยาวนานยิ่งขึ้นค่ะ 🕒

⌛ ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน?

📊 ระยะเวลาทั่วไป: ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 6-9 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว อายุ และไลฟ์สไตล์

✨ ผลที่ได้รับ:ผิวแก้มดูชุ่มชื้น อิ่มน้ำ และกระชับขึ้น

ริ้วรอยรอบแก้มและร่องแก้มจางลง

ผิวดูสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ

👤 ปัจจัยที่มีผลต่อระยะเวลา:

อายุ: ผู้ที่มีอายุมากอาจเห็นผลลัพธ์สั้นลงการดูแลผิว: การตากแดดบ่อยหรือขาดการบำรุงอาจทำให้ผลลัพธ์ลดลง

สุขภาพร่างกาย: การพักผ่อนไม่เพียงพอหรือความเครียดอาจส่งผลต่อผิว

หมายเหตุ: การใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของ HA หรือการทาครีมกันแดดทุกวัน จะช่วยยืดอายุผลลัพธ์ของ Profhilo ได้ค่ะ ☀️

🛡️ วิธีการดูแลตัวเองก่อนฉีด

การเตรียมตัวก่อนฉีดเป็นขั้นตอนสำคัญเพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย:

🚫 งดยาและอาหารเสริมที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด: เช่น แอสไพริน, ไอบูโพรเฟน, วิตามิน E, น้ำมันปลา, โสม หรือสมุนไพรบางชนิด เป็นเวลา 7-10 วันก่อนฉีด เพื่อลดความเสี่ยงของรอยช้ำ

🍷 งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์: อย่างน้อย 48-72 ชั่วโมงก่อนฉีด เพื่อป้องกันการบวมและรอยช้ำ

💊 แจ้งประวัติสุขภาพ: แจ้งแพทย์เกี่ยวกับยาที่ใช้ อาการแพ้ โรคประจำตัว หรือประวัติการฉีดสารอื่นๆ ในบริเวณแก้ม

🏥 ตรวจสุขภาพ: หากมีโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคภูมิแพ้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อน

💧 ดื่มน้ำให้เพียงพอ: ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและพร้อมสำหรับการรักษา

🧼 ทำความสะอาดผิว: ไปถึงคลินิกด้วยใบหน้าที่สะอาด งดแต่งหน้า เพื่อให้แพทย์ประเมินสภาพผิวได้อย่างแม่นยำ

คำแนะนำเพิ่มเติม: ควรงดการทำทรีทเมนต์ที่อาจทำให้ผิวระคายเคือง เช่น การเลเซอร์หรือการสครับผิวแรงๆ เป็นเวลา 3-5 วันก่อนฉีดค่ะ 🌿

🌿 วิธีการดูแลตัวเองหลังฉีด

การดูแลตัวเองหลังฉีดมีความสำคัญมาก เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุดและลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง:

🧊 ประคบเย็น: ใช้ผ้าเย็นหรือเจลเย็นประคบเบาๆ บริเวณที่ฉีด ภายใน 24-48 ชั่วโมง เพื่อลดอาการบวมหรือรอยแดง

🚿 หลีกเลี่ยงความร้อน: งดล้างหน้าด้วยน้ำร้อน ซาวน่า อบไอน้ำ หรือตากแดดจัด เป็นเวลา 48 ชั่วโมง

💄 งดแต่งหน้า: อย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการติดเชื้อ

🏊 งดกิจกรรมหนัก: หลีกเลี่ยงการว่ายน้ำ ออกกำลังกายหนัก หรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก เป็นเวลา 48 ชั่วโมง

🙅‍♀️ ห้ามนวดหรือกด: งดสัมผัสหรือนวดบริเวณที่ฉีดอย่างน้อย 48 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของสาร

💧 ดื่มน้ำเยอะๆ: ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

☀️ ทาครีมกันแดด: ใช้ SPF 30 ขึ้นไปทุกวัน เพื่อปกป้องผิวจากรังสียูวีที่อาจทำให้เกิดรอยดำ

🧴 บำรุงผิวเบาๆ: ใช้มอยส์เจอไรเซอร์สูตรอ่อนโยน งดผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดหรือเรตินอล เป็นเวลา 3-5 วัน

เคล็ดลับ: หากมีอาการผิดปกติ เช่น บวมมาก ปวดรุนแรง หรือมีไข้ ควรรีบติดต่อแพทย์ทันที อย่าปล่อยทิ้งไว้ค่ะ 🚨

⚠️ ผลข้างเคียง: มีอะไรบ้าง?

Profhilo เป็นทรีทเมนต์ที่มีความปลอดภัยสูง แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อยที่พบได้บ่อย ดังนี้:

🔴 รอยแดง: อาจเกิดรอยแดงเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด มักหายไปเองภายใน 24-48 ชั่วโมง

💧 รอยช้ำ: อาจมีรอยช้ำจากเข็ม โดยเฉพาะในคนที่ผิวบางหรือเส้นเลือดเปราะ มักหายภายใน 3-7 วัน

🌀 อาการบวม: บวมเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด หายไปเองใน 1-2 วัน

😖 อาการปวดหรือตึง: อาจรู้สึกตึงหรือปวดเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด มักไม่รุนแรงและหายไปเอง

🚨 ผลข้างเคียงรุนแรง (พบน้อยมาก):

การติดเชื้อ: หากไม่รักษาความสะอาดหลังฉีด

อาการแพ้: พบได้ในกรณีที่แพ้ส่วนประกอบของ Profhilo

การอุดตันหลอดเลือด: พบได้หากฉีดผิดตำแหน่ง ควรพบแพทย์ทันทีหากมีอาการปวดรุนแรงหรือผิวเปลี่ยนสี

หมายเหตุ: ผลข้างเคียงส่วนใหญ่เป็นเพียงชั่วคราวและไม่รุนแรง หากทำโดยแพทย์ที่มีความชำนาญและดูแลตัวเองดีจะลดความเสี่ยงได้อย่างมากค่ะ 🌿

🛡️ อันตรายหรือไม่?

✅ ปลอดภัยสูง: Profhilo เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจากองค์กรระดับสากล เช่น CE Mark และ Thai FDA

🚫 ความเสี่ยงต่ำ: หากทำในคลินิกที่น่าเชื่อถือ ใช้ผลิตภัณฑ์แท้ และทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

⚠️ ความเสี่ยงที่อาจเกิด:

หากฉีดโดยผู้ที่ไม่ใช่แพทย์ หรือใช้ผลิตภัณฑ์ปลอม อาจเกิดผลข้างเคียงรุนแรง เช่น การอุดตันของหลอดเลือด

การฉีดผิดตำแหน่งอาจทำให้เกิดก้อนหรือผลลัพธ์ไม่เป็นธรรมชาติ

🏥 คำแนะนำ: เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ตรวจสอบใบอนุญาตแพทย์ และยืนยันว่าผลิตภัณฑ์เป็นของแท้โดยให้แพทย์เปิดกล่องต่อหน้า

เคล็ดลับความปลอดภัย: เก็บใบเสร็จหรือหลักฐานการฉีดไว้ และถ่ายรูปผลิตภัณฑ์ที่ใช้เพื่อเป็นหลักฐานในกรณีที่มีปัญหาค่ะ 📋

😖 เจ็บหรือไม่?

😌 ความเจ็บปวด: เจ็บน้อยถึงปานกลาง ระดับความเจ็บประมาณ 2-4 จากคะแนนเต็ม 10

💉 การลดความเจ็บ:

แพทย์มักทายาชาก่อนฉีด หรือใช้เข็มขนาดเล็กมาก (Nano Needle) เพื่อลดความรู้สึกเจ็บ

บางคลินิกอาจใช้เครื่องมือช่วย เช่น Vibration Device เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากความเจ็บ

⏱️ ระยะเวลา: การฉีดใช้เวลาเพียง 5-10 นาทีต่อข้าง

🌈 ความรู้สึกหลังฉีด: อาจรู้สึกตึงๆ หรือหน่วงๆ เล็กน้อย แต่ไม่รบกวนชีวิตประจำวัน

คำแนะนำ: หากกลัวเจ็บ สามารถแจ้งแพทย์เพื่อใช้ยาชาที่เข้มข้นขึ้น หรือขอเทคนิคการฉีดที่เหมาะสมกับความ sensitive ของผิวค่ะ 💕

💬 สรุปและคำแนะนำสุดท้าย

การฉีด Profhilo ที่แก้มเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์และเต่งตึงอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด 💉 ความสำเร็จของการรักษาขึ้นอยู่กับการเลือกคลินิกและแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ รวมถึงการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีทั้งก่อนและหลังฉีด 🛡️ หากคุณปฏิบัติตามคำแนะนำที่ให้ไว้ ผลลัพธ์ที่ได้จะทำให้คุณประทับใจอย่างแน่นอนค่ะ ✨

💡 คำแนะนำในการเลือกการรักษาระบุปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข 🔎

หากเป็นริ้วรอยลึกหรือต้องการปรับรูปหน้า ให้เลือก Juvederm หรือ Filler ทั่วไป

หากเป็นริ้วรอยจากการแสดงออก ให้เลือก Botox

หากต้องการความชุ่มชื้น ให้เลือก Skin Booster หรือ Restylane Vital

หากต้องการฟื้นฟูผิวจากภายใน ให้เลือก Profhilo หรือ Rejuran

พิจารณางบประมาณและระยะเวลา 💰⏰

หากต้องการผลลัพธ์ทันทีและงบจำกัด ให้เลือก Skin Booster

หากต้องการผลลัพธ์ยาวนาน ให้เลือก Juvederm หรือ Profhilo

ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ 👨‍⚕️

การรักษาด้วยการฉีดควรทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อลดความเสี่ยงและได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสม

แพทย์จะช่วยประเมินสภาพผิวและแนะนำการรักษาที่เหมาะสมที่สุด

เตรียมตัวก่อนและหลังการรักษา 🛌

งดแอลกอฮอล์และยาบางชนิดก่อนฉีด เพื่อลดโอกาสเกิดรอยช้ำ

ดูแลผิวหลังฉีดตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อให้ผลลัพธ์ดีที่สุด

หวังว่าข้อมูลนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจและตัดสินใจเลือกการรักษาที่เหมาะสมกับตัวเองได้นะคะ หากมีคำถามเพิ่มเติม ถามมาได้เลยค่ะ 💌✨

 
 
 

โพสต์ล่าสุด

ดูทั้งหมด
เดอร์มาโกลว์(DERMA GLOW)อันตรายไหม

Derma Glow: โปรแกรมการดูแลผิวหน้าด้วย Skin Booster 💉✨ สวัสดีค่ะ! วันนี้เราจะมาพูดถึง Derma Glow ซึ่งเป็นโปรแกรมการดูแลผิวหน้าด้วยการฉีดช...

 
 
 

ความคิดเห็น


ตลาดทาวน่ามาเก็ต 24/140 ม.9 ถ.สุขุมวิทพัทยา53 ซ.เนินพลับหวาน ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี20150

ตลาดทาวน่ามาเก็ต 24/140 ม.9 ถ.สุขุมวิทพัทยา53 ซ.เนินพลับหวาน ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี20150

0626023959

bottom of page