
ฉีดProfhilo(โปรฟิโล)ที่ใต้ตาได้หรือไม่
- วันวิสาข์ 2540
- 17 ก.ย.
- ยาว 2 นาที
🧬 กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน
🌟 ปรับสภาพผิวให้กระชับ ยืดหยุ่น และดูอ่อนเยาว์
Profhilo มีความพิเศษตรงที่สามารถกระจายตัวได้ดีใต้ผิว ทำให้เหมาะกับการฉีดในบริเวณที่บอบบางอย่างใต้ตา 👁️
🤔 ฉีด Profhilo ที่ใต้ตาได้หรือไม่?
✅ ได้แน่นอนค่ะ! การฉีด Profhilo บริเวณใต้ตาเป็นที่นิยมมาก เพราะช่วยแก้ปัญหา:
รอยคล้ำใต้ตา (Dark Circles) 🌙
ริ้วรอยเล็กๆ รอบดวงตา (Fine Lines) ✍️
ผิวแห้งขาดน้ำบริเวณใต้ตา 💦
ถุงใต้ตาที่ไม่รุนแรง 🎒
Profhilo จะช่วยให้ผิวใต้ตาดูเรียบเนียน ชุ่มชื้น และสดใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ทำให้ดูบวมหรือแข็งเหมือนฟิลเลอร์บางชนิด 🌸
หมายเหตุ: การฉีดบริเวณใต้ตาควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์เท่านั้น เพราะเป็นบริเวณที่บอบบางและใกล้กับอวัยวะสำคัญ 👩⚕️
📅 ต้องฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผล?
🔄 โปรโตคอลมาตรฐานของ Profhilo: แนะนำให้ฉีด 2 ครั้ง โดยเว้นระยะห่าง 4 สัปดาห์ (1 เดือน) ระหว่างการฉีดแต่ละครั้ง
⏳ เริ่มเห็นผล: หลังจากการฉีดครั้งแรกประมาณ 2-4 สัปดาห์ ผิวจะเริ่มชุ่มชื้นและกระชับขึ้น
✨ ผลลัพธ์เต็มที่: หลังจากการฉีดครั้งที่ 2 ประมาณ 1-2 เดือน จะเห็นผิวที่เรียบเนียน ริ้วรอยลดลง และใต้ตาดูสดใสขึ้น
📌 กรณีพิเศษ: หากปัญหาใต้ตารุนแรง (เช่น รอยคล้ำมากหรือผิวหย่อนคล้อย) แพทย์อาจแนะนำให้ฉีดเพิ่มเติมหรือใช้ทรีทเมนต์อื่นร่วมด้วย
⏱️ ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน?
⌛ โดยเฉลี่ย ผลลัพธ์ของ Profhilo จะอยู่ได้ประมาณ 6-9 เดือน ขึ้นอยู่กับ:
อายุของผู้ฉีด (ผิวที่อายุมากกว่าอาจเห็นผลได้สั้นกว่า) 👵
สภาพผิวและไลฟ์สไตล์ (เช่น การดูแลผิว การสูบบุหรี่ หรือการตากแดดบ่อย) ☀️
ปริมาณที่ฉีดและเทคนิคของแพทย์ 💉
🔄 การฉีดซ้ำ: แนะนำให้ฉีดกระตุ้นทุก 6 เดือนเพื่อรักษาผลลัพธ์ให้คงอยู่อย่างต่อเนื่อง
🛡️ วิธีการดูแลตัวเองก่อนฉีด Profhilo
การเตรียมตัวก่อนฉีดจะช่วยลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงและทำให้การฉีดมีประสิทธิภาพมากขึ้นค่ะ 🌈
📋 ก่อนฉีด (Pre-Treatment Care)
🚫 งดยาและอาหารเสริมที่ทำให้เลือดแข็งตัวช้า เช่น แอสไพริน (Aspirin), ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen), วิตามินอี, น้ำมันปลา (Fish Oil) อย่างน้อย 7-10 วันก่อนฉีด (ควรปรึกษาแพทย์หากใช้ยาเหล่านี้เป็นประจำ)
🍷 งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมงก่อนฉีด เพื่อลดความเสี่ยงของรอยช้ำ
🌞 หลีกเลี่ยงการตากแดดจัด หรือการใช้ซาวน่า/อบไอน้ำ 1-2 วันก่อนฉีด
💊 แจ้งแพทย์เกี่ยวกับโรคประจำตัว การแพ้ยา หรือยาที่ใช้อยู่ รวมถึงประวัติการฉีดสารอื่นๆ ในหน้า
🤰 หลีกเลี่ยงการฉีด หากกำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
💦 ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นและพร้อมสำหรับการฉีด
🌿 วิธีการดูแลตัวเองหลังฉีด Profhilo
การดูแลตัวเองหลังฉีดสำคัญมากเพื่อให้ผลลัพธ์ดีที่สุดและลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงค่ะ 💕
📋 หลังฉีด (Post-Treatment Care)
🧊 ประคบเย็น: หากมีอาการบวมหรือรอยแดง สามารถประคบเย็นเบาๆ บริเวณที่ฉีดได้ใน 24-48 ชั่วโมงแรก
👐 ห้ามนวดหรือกดแรงๆ บริเวณที่ฉีด: อย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของผลิตภัณฑ์
🚿 งดอาบน้ำร้อน หรือซาวน่าใน 24 ชั่วโมงแรก
🏊 งดว่ายน้ำ หรือแช่น้ำเป็นเวลา 48 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
🧘 งดออกกำลังกายหนัก หรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมากใน 24-48 ชั่วโมง
🍸 งดดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่ 24-48 ชั่วโมง
☀️ ทาครีมกันแดด และหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดในช่วง 1-2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการระคายเคือง
💄 สามารถแต่งหน้าได้: หลังจากฉีดไปแล้ว 24 ชั่วโมง
🩺 ติดตามผลกับแพทย์: หากมีอาการผิดปกติ เช่น บวมมาก เจ็บรุนแรง หรือมีรอยแดงที่ไม่หาย ควรติดต่อแพทย์ทันที
⚠️ ผลข้างเคียงของการฉีด Profhilo
Profhilo ถือว่ามีความปลอดภัยสูงเพราะกรดไฮยาลูโรนิคเป็นสารที่ร่างกายผลิตได้เองตามธรรมชาติ แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อยได้ค่ะ 😓
ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย (มักไม่รุนแรงและหายเอง)
🔴 รอยแดง บริเวณที่ฉีด: มักหายภายใน 24-48 ชั่วโมง
💧 รอยช้ำเล็กน้อย: อาจเกิดขึ้นหากเข็มโดนเส้นเลือดเล็กๆ มักหายภายใน 3-7 วัน
🌡️ อาการบวมเล็กน้อย: มักเกิดใน 24-48 ชั่วโมงแรกและค่อยๆ ลดลง
🤕 ความรู้สึกเจ็บหรือตึง: บริเวณที่ฉีด อาจรู้สึกได้ 1-2 วัน
ผลข้างเคียงที่พบได้น้อย (ควรปรึกษาแพทย์หากเกิดขึ้น)
🦠 การติดเชื้อ: หากไม่ดูแลความสะอาดหลังฉีด (พบได้น้อยมาก)
🧬 อาการแพ้: พบได้น้อยมาก เนื่องจาก Profhilo เป็นสารที่เข้ากันได้ดีกับร่างกาย
📏 ผลลัพธ์ไม่สมดุล: หากฉีดโดยผู้ที่ไม่ชำนาญ อาจทำให้ผลิตภัณฑ์กระจายไม่สม่ำเสมอ
🛑 อันตรายหรือไม่?
✅ ปลอดภัย หากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในคลินิกที่ได้มาตรฐานและใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้
🚨 อันตราย หาก:
ฉีดโดยบุคคลที่ไม่ใช่แพทย์หรือไม่มีความชำนาญ
ใช้ผลิตภัณฑ์ปลอมหรือไม่ได้มาตรฐาน
ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ก่อนและหลังฉีด
🩺 คำแนะนำ: ควรเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ ตรวจสอบรีวิว และยืนยันว่าแพทย์มีใบอนุญาตและประสบการณ์เพียงพอ
😣 เจ็บไหม?
💉 ระดับความเจ็บ: เล็กน้อยถึงปานกลาง (ประมาณ 2-5/10) ขึ้นอยู่กับความทนทานของแต่ละคน
🧴 การลดความเจ็บ: แพทย์มักจะทาครีมชาหรือใช้ยาชาเฉพาะที่ก่อนฉีด โดยเฉพาะบริเวณใต้ตาที่บอบบาง
⏱️ ระยะเวลาการฉีด: ใช้เวลาเพียง 10-15 นาทีต่อบริเวณ
😌 หลังฉีด: ความรู้สึกเจ็บจะหายไปอย่างรวดเร็ว มักเหลือเพียงอาการตึงๆ เล็กน้อย
💰 ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ
💸 ราคาต่อครั้งสำหรับบริเวณใต้ตา: ประมาณ 15,000 - 25,000 บาท ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ใช้และคลินิก
📊 ค่าใช้จ่ายรวมต่อคอร์ส (2 ครั้ง): ประมาณ 30,000 - 50,000 บาท
🏥 ราคาอาจแตกต่างกันไปตามสถานที่และโปรโมชั่น ควรสอบถามคลินิกโดยตรง
🌟 ข้อดีของการฉีด Profhilo ใต้ตา
👁️ ช่วยลดรอยคล้ำและริ้วรอยใต้ตา
💦 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลึกถึงชั้นใน
🧬 กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน
🌈 ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ ไม่บวมแข็งเหมือนฟิลเลอร์บางชนิด
⏳ ใช้เวลาน้อย ไม่ต้องพักฟื้นนาน
🛡️ มีความปลอดภัยสูงเมื่อทำโดยผู้เชี่ยวชาญ
📌 ข้อควรระวังเพิ่มเติม
👩⚕️ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนฉีดเพื่อประเมินสภาพผิวและความเหมาะสม
🏥 เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและใช้ผลิตภัณฑ์ Profhilo ของแท้เท่านั้น (สามารถตรวจสอบรหัสผลิตภัณฑ์ได้)
🤰 ไม่เหมาะสำหรับสตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร
🧠 ตั้งความคาดหวังให้สมเหตุสมผล เพราะผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล🌈 สรุปความแตกต่างและการเลือกใช้
Profhilo 💧เน้น: ฟื้นฟูผิวจากภายใน กระชับผิว ให้ความชุ่มชื้น
เหมาะกับ: ผิวหย่อนคล้อย ผิวแห้ง ต้องการผลลัพธ์ธรรมชาติ
ผลลัพธ์: 2-4 สัปดาห์ อยู่ได้ 6-9 เดือน
Rejuran 🧬เน้น: ซ่อมแซมผิวระดับเซลล์ ลดรอยแผลเป็น รูขุมขน
เหมาะกับ: ผิวเสียหาย รอยสิว รูขุมขนกว้าง
ผลลัพธ์: 2-4 สัปดาห์ อยู่ได้ 6-12 เดือน
Skin Booster 💦
เน้น: ให้ความชุ่มชื้นทันที ปรับผิวเนียนนุ่ม
เหมาะกับ: ผิวแห้ง ต้องการผลลัพธ์เร็ว งบจำกัด
ผลลัพธ์: ทันที อยู่ได้ 3-6 เดือน
Juvederm 🧩เน้น: เพิ่มปริมาตร แก้ริ้วรอยลึก
เหมาะกับ: ริ้วรอยลึก ต้องการปรับรูปหน้า
ผลลัพธ์: ทันที อยู่ได้ 9-18 เดือน
Restylane Vital 💎
เน้น: ให้ความชุ่มชื้นยาวนาน ปรับเนื้อผิว
เหมาะกับ: ผิวแห้ง ริ้วรอยเล็กๆ
ผลลัพธ์: ทันทีถึง 2 สัปดาห์ อยู่ได้ 6-9 เดือน
Filler ทั่วไป 🧱เน้น: เพิ่มปริมาตร ปรับรูปหน้า
เหมาะกับ: ริ้วรอยลึก ปรับโครงหน้า
ผลลัพธ์: ทันที อยู่ได้ 6-18 เดือนBotox 💉
เน้น: ลดริ้วรอยจากการเคลื่อนไหว
เหมาะกับ: ริ้วรอยแสดงออก ลดกราม
ผลลัพธ์: 3-7 วัน อยู่ได้ 3-6 เดือน
💡 คำแนะนำในการเลือกการรักษา
ระบุปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข 🔎
หากเป็นริ้วรอยลึกหรือต้องการปรับรูปหน้า ให้เลือก Juvederm หรือ Filler ทั่วไป
หากเป็นริ้วรอยจากการแสดงออก ให้เลือก Botox
หากต้องการความชุ่มชื้น ให้เลือก Skin Booster หรือ Restylane Vital
หากต้องการฟื้นฟูผิวจากภายใน ให้เลือก Profhilo หรือ Rejuran
พิจารณางบประมาณและระยะเวลา 💰⏰
หากต้องการผลลัพธ์ทันทีและงบจำกัด ให้เลือก Skin Booster
หากต้องการผลลัพธ์ยาวนาน ให้เลือก Juvederm หรือ Profhilo
ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ 👨⚕️การรักษาด้วยการฉีดควรทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อลดความเสี่ยงและได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสม
แพทย์จะช่วยประเมินสภาพผิวและแนะนำการรักษาที่เหมาะสมที่สุด
เตรียมตัวก่อนและหลังการรักษา 🛌
งดแอลกอฮอล์และยาบางชนิดก่อนฉีด เพื่อลดโอกาสเกิดรอยช้ำ
ดูแลผิวหลังฉีดตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อให้ผลลัพธ์ดีที่สุด
หวังว่าข้อมูลนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจและตัดสินใจเลือกการรักษาที่เหมาะสมกับตัวเองได้นะคะ หากมีคำถามเพิ่มเติม ถามมาได้เลยค่ะ 💌✨

ความคิดเห็น