
เดอร์มาโกลว์(DERMA GLOW)ฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผล
- วันวิสาข์ 2540
- 19 ก.ย.
- ยาว 3 นาที
Derma Glow Skin Booster: นวัตกรรมเพื่อผิวสวยสมบูรณ์แบบ 💖
🌟 Derma Glow คืออะไร?
Derma Glow คือโปรแกรมการดูแลผิวหน้าระดับพรีเมียมด้วยการฉีดชนิด Skin Booster 💉 ที่ถูกพัฒนาด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย เพื่อส่งมอบสารอาหารและสารบำรุงประสิทธิภาพสูงเข้าสู่ชั้นผิวที่ลึกกว่า (ชั้น Dermis) โดยตรง ทำให้ผิวได้รับการฟื้นฟูจากภายในสู่ภายนอกอย่างแท้จริง 🌿 แตกต่างจากการบำรุงด้วยครีมทั่วไปที่ทำได้เพียงซึมซาบที่ผิวชั้นนอก (Epidermis) เท่านั้น 🧴
โปรแกรมนี้มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาผิวอย่างตรงจุดและให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนยาวนาน ด้วยส่วนผสมที่เข้มข้นและเทคนิคการฉีดที่ออกแบบมาโดยผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง เพื่อยกระดับสภาพผิวให้ดีขึ้นในทุกมิติ ✨
⏳ ฉีด Derma Glow กี่ครั้งถึงจะเห็นผล?
ผลลัพธ์ของ Derma Glow สามารถเห็นได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ แต่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบและยาวนาน แนะนำให้ทำตามคอร์สที่แพทย์ออกแบบไว้ ดังนี้:
📅 ตารางแสดงผลลัพธ์ตามจำนวนครั้งที่ฉีด:
จำนวนครั้ง ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจน
ระยะเวลาที่แนะนำครั้งที่ 1เห็นผลทันที! ผิวเปล่งประกาย ชุ่มชื้น อิ่มน้ำ เด้งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 💧
เริ่มต้นการรักษา
ครั้งที่ 2ริ้วรอยตื้นเริ่มจางลง ผิวเรียบเนียนขึ้น รูขุมขนกระชับ ความหมองคล้ำลดลง 🌟
1 เดือนหลังครั้งแรก
ครั้งที่ 3ริ้วรอยลึกจางลงอย่างชัดเจน โครงสร้างผิวแข็งแรง ผิวกระชับ เต่งตึง เปล่งปลั่ง 💖
1 เดือนหลังครั้งที่ 2
การรักษาต่อเนื่อง
รักษาผลลัพธ์ที่ดีให้ยาวนาน ผิวแข็งแรงสมบูรณ์ ชะลอความเสื่อมของผิว 🔄
ทุก 6-8 เดือน
หมายเหตุ: ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปตามสภาพผิวของแต่ละบุคคล แต่โดยทั่วไปการทำครบคอร์ส 3 ครั้งจะช่วยให้ผิวดีขึ้นอย่างชัดเจนและยาวนานถึง 6-8 เดือนต่อครั้ง ✅
👩🦰 Derma Glow เหมาะกับใครบ้าง?
Derma Glow ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ที่มีปัญหาผิวหลากหลายประเภท โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและยาวนาน โดยไม่ต้องพึ่งพาการบำรุงผิวแบบรายวันด้วยผลิตภัณฑ์หลายชนิด 🌸
✅ เหมาะสำหรับ:
ผู้ที่มีริ้วรอยและร่องลึก 👵
ริ้วรอยตื้น ริ้วรอยลึก รอยเหี่ยวย่นบริเวณหน้าผาก รอบดวงตา และรอบปาก
ผิวแห้งกร้าน ขาดน้ำ 🏜️
ผิวที่ขาดความชุ่มชื้น ดูหมองคล้ำ ไม่สดใส ผิวลอกเป็นขุย
ผิวบอบบางและแพ้ง่าย 🌷
ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้ผิวจากภายใน ลดการระคายเคือง
ผิวมีรูขุมขนกว้าง 🔍
ช่วยกระชับรูขุมขน ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น ดูละเอียด
ผิวหมองคล้ำ ไม่สม่ำเสมอ 🌓
ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ กระจ่างใส ลดรอยด่างดำ
ผิวเสียจากแสงแดดและมลภาวะ ☀️
ฟื้นฟูผิวที่เสียหายจากรังสียูวีและมลภาวะในชีวิตประจำวันผู้ที่ต้องการป้องกันความเสื่อมของผิว 🛡️
ชะลอริ้วรอยและความหย่อนคล้อยในอนาคต
ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและยาวนาน ⚡
เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาดูแลผิวทุกวัน หรือต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจน
❌ ไม่เหมาะสำหรับ:
ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร 🤰
เพื่อความปลอดภัย ควรหลีกเลี่ยงการทำหัตถการใดๆ ในช่วงนี้
ผู้ที่มีโรคภูมิแพ้รุนแรงหรือแพ้ส่วนผสมใน Skin Booster 🤧
ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจสอบส่วนผสมก่อนทำ
ผู้ที่มีการติดเชื้อที่ผิวหนังบริเวณที่จะทำการรักษา 🦠
ต้องรักษาการติดเชื้อให้หายก่อน
ผู้ที่มีแนวโน้มเป็นแผลเป็นคีลอยด์ 🩹
อาจมีความเสี่ยงในการเกิดแผลเป็นหลังการฉีด
คำแนะนำ: ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อนทำ Derma Glow เพื่อประเมินสภาพผิวและความเหมาะสมของการรักษา 👩⚕️
🌈 Derma Glow ช่วยในเรื่องอะไรบ้าง?
Derma Glow ไม่เพียงแต่ช่วยบำรุงผิว แต่ยังแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างครอบคลุมและล้ำลึก ด้วยการส่งมอบสารบำรุงที่มีความเข้มข้นสูงถึง 95-99% เข้าสู่ชั้นผิวโดยตรง 💉
1. 💦 เพิ่มความชุ่มชื้นล้ำลึก
ประสิทธิภาพ: เพิ่มความชุ่มชื้นได้ถึง 150-200% จากภายในสู่ภายนอก
ผลลัพธ์: ผิวอิ่มน้ำ เด้ง ฉ่ำวาว ดูสุขภาพดี
แก้ไขปัญหา: ผิวแห้งกร้าน ลอกเป็นขุย ขาดความยืดหยุ่น
2. 🕸️ ลดเลือนริ้วรอยและร่องลึก
ประสิทธิภาพ: ลดริ้วรอยได้ถึง 60-80% ภายใน 2-4 สัปดาห์
ผลลัพธ์: ผิวเรียบเนียนขึ้น ริ้วรอยตื้นและลึกจางลง
แก้ไขปัญหา: ริ้วรอยรอบดวงตา หน้าผาก ร่องแก้ม ร่องปาก
3. 🔍 กระชับรูขุมขน
ประสิทธิภาพ: ลดขนาดรูขุมขนได้ถึง 40-50%
ผลลัพธ์: ผิวเรียบเนียน ละเอียด สัมผัสนุ่มละมุน
แก้ไขปัญหา: รูขุมขนกว้าง ผิวไม่เรียบเนียน
4. ✨ เพิ่มความกระจ่างใส
ประสิทธิภาพ: เพิ่มความกระจ่างใสถึง 50-70%
ผลลัพธ์: ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ลดความหมองคล้ำ ผิวเปล่งประกาย
แก้ไขปัญหา: ผิวหมองคล้ำ รอยด่างดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ5. 🧬 ฟื้นฟูโครงสร้างผิว
ประสิทธิภาพ: เพิ่มการผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินได้ถึง 200-300%
ผลลัพธ์: เสริมสร้างเซลล์ผิวใหม่ให้แข็งแรง ผิวเต่งตึง
แก้ไขปัญหา: ผิวหย่อนคล้อย ขาดความยืดหยุ่น
6. 🛡️ ปกป้องผิวจากปัจจัยภายนอก
ประสิทธิภาพ: ฟื้นฟูผิวที่เสียหายได้ถึง 80%
ผลลัพธ์: เสริมสร้างเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง
แก้ไขปัญหา: ผิวเสียจากแสงแดด มลภาวะ และความเครียด
7. 🌱 ลดการอักเสบและการระคายเคือง
ประสิทธิภาพ: ลดการอักเสบและเสริมความแข็งแรงให้ผิวบอบบาง
ผลลัพธ์: ผิวสงบ ระคายเคืองน้อยลง
แก้ไขปัญหา: ผิวแพ้ง่าย ผิวแดงจากมลภาวะ
💊 ส่วนผสมสำคัญใน Derma Glow
Derma Glow ประกอบด้วยส่วนผสมที่มีความเข้มข้นสูง ออกแบบมาเพื่อบำรุงและฟื้นฟูผิวจากภายในสู่ภายนอก โดยส่วนผสมหลัก ได้แก่:
กรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) เข้มข้น 💧
อุ้มน้ำได้มากกว่า 1,000 เท่าของน้ำหนักตัวเอง
เติมเต็มริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื้นล้ำลึก ผิวอิ่มน้ำ
เปปไทด์และโกรทแฟคเตอร์ (Peptides & Growth Factors) 🧬
กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน
ฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้แข็งแรง ผิวเต่งตึง
วิตามินและแร่ธาตุ (Vitamins & Minerals) 🍊
วิตามิน A, B, C, E และแร่ธาตุสำคัญ
ต่อต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องและซ่อมแซมผิวอะมิโนแอซิด (Amino Acids) 🌱เสริมสร้างโปรตีนสำคัญในผิว
สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) 🍇
ปกป้องผิวจากความเสียหายของอนุมูลอิสระ (Free Radicals)
ชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว
หมายเหตุ: ส่วนผสมอาจมีการปรับเปลี่ยนตามสูตรเฉพาะของแต่ละคลินิกหรือตามสภาพผิวของผู้รับบริการ 🧪
📋 ขั้นตอนการทำ Derma Glow
การทำ Derma Glow เป็นหัตถการที่ปลอดภัย ทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง โดยมีขั้นตอนที่ได้มาตรฐาน ดังนี้:
🔄 5 ขั้นตอนหลักในการทำ Derma Glow:
การปรึกษาและประเมินสภาพผิว 👩⚕️
แพทย์จะประเมินสภาพผิวและปัญหาที่ต้องการแก้ไข
ออกแบบสูตร Skin Booster ให้เหมาะกับผิวของแต่ละบุคคล
การทำความสะอาดผิว 🧼
ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างละเอียดเพื่อปลอดเชื้อ
เตรียมผิวให้พร้อมสำหรับการรักษา
การวางยาชาเฉพาะที่ 💊
ทายาชาเพื่อลดความเจ็บปวดระหว่างการฉีด
รอ 15-30 นาทีให้ยาชาออกฤทธิ์
การฉีด Derma Glow Skin Booster 💉
แพทย์ฉีดสารบำรุงเข้าสู่ชั้นผิว Dermis ด้วยเทคนิคพิเศษ
ใช้เข็มขนาดเล็กมากเพื่อลดรอยและความเจ็บปวด
การดูแลหลังทำ 🧖♀️
ประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมหรือรอยแดง
ให้คำแนะนำในการดูแลผิวหลังการรักษา
⏱️ ระยะเวลาในการทำและการฟื้นตัว
ระยะเวลาในการทำ: 30-45 นาที (รวมการวางยาชา) ⌛
ระยะเวลาฟื้นตัว: 1-3 วัน (อาจมีรอยแดงหรือบวมเล็กน้อย) 📆
อาการที่อาจพบ: รอยแดง รอยจ้ำเล็กน้อย หรือบวมเล็กน้อย (หายได้เองภายใน 1-3 วัน) 🩹
การกลับสู่กิจวัตรประจำวัน: สามารถกลับไปทำงานได้ทันทีหลังทำ แต่ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักหรือความร้อนใน 24 ชั่วโมงแรก 🏃♀️
🔄 การดูแลผิวหลังทำ Derma Glow
เพื่อให้ผลลัพธ์ของ Derma Glow อยู่ได้ยาวนานและผิวฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ดังนี้:
👍 สิ่งที่ควรทำ:
ประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมหรือรอยแดง ❄️
ทาครีมบำรุงที่แพทย์แนะนำเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น 🧴
ใช้ครีมกันแดด SPF 50+ ทุกวันเพื่อปกป้องผิว ☀️
ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อรักษาความชุ่มชื้นของผิว 💧
พักผ่อนให้เพียงพอเพื่อให้ผิวฟื้นตัวได้ดี 😴
👎 สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง:
แสงแดดจัดหรือความร้อน (เช่น ซาวน่า) เป็นเวลา 1 สัปดาห์ 🌞
การนวดหน้าหรือกดผิวแรงๆ เป็นเวลา 1 สัปดาห์ 👐
การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรด (เช่น AHA, BHA) เป็นเวลา สัปดาห์ 🧪
การสครับหรือผลัดเซลล์ผิวเป็นเวลา 1 สัปดาห์ 🧖♀️
การดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่เป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง 🚭
💰 ความคุ้มค่าของ Derma Glow
เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ครีมบำรุงผิวทั่วไป Derma Glow ให้ความคุ้มค่ามากกว่าในระยะยาว เนื่องจากผลลัพธ์ที่ยาวนานและลดการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหลายชนิด:
ครีมบำรุงทั่วไป:
ต้องใช้ทุกวัน วันละ 1-2 ครั้ง
ผลลัพธ์จำกัดและต้องใช้ต่อเนื่อง
ค่าใช้จ่ายสะสม 10,000-30,000 บาทต่อปี (รวมมอยส์เจอไรเซอร์ เซรั่ม ครีมกันแดด ฯลฯ) 💸
Derma Glow:
ทำเพียง 3 ครั้งในช่วงแรก และรักษาผลลัพธ์ด้วยการทำซ้ำทุก 6-8 เดือน
ผลลัพธ์ชัดเจน ยาวนาน ลดการใช้ผลิตภัณฑ์อื่นๆ
ค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 15,000-25,000 บาทต่อปี (ขึ้นอยู่กับคลินิกและสูตรที่ใช้) 💎
ข้อสรุป: Derma Glow ช่วยประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในระยะยาว เพราะไม่ต้องใช้ผลิตภัณฑ์หลายตัว และให้ผลลัพธ์ที่เหนือกว่าการบำรุงผิวแบบดั้งเดิม 🌟
🌟 สรุปจุดเด่นของ Derma Glow
ผลลัพธ์เห็นชัดตั้งแต่ครั้งแรก ✨
ผิวชุ่มชื้น อิ่มน้ำ เด้งทันทีหลังทำผลลัพธ์ยาวนาน 6-8 เดือนต่อครั้ง ⏳
ไม่ต้องบำรุงทุกวัน ผลลัพธ์คงอยู่ยาวนาน
แก้ไขปัญหาผิวได้หลากหลาย 🔄
ริ้วรอย รูขุมขน ความหมองคล้ำ ผิวแห้งกร้าน
ลดการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหลายชนิด 🧴
ไม่ต้องใช้ครีมหลายตัว ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย
ดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ปลอดภัย 👩⚕️
มั่นใจในความปลอดภัยและผลลัพธ์
ไม่ต้องพักฟื้น กลับไปใช้ชีวิตได้ทันที 🏃♀️
ใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติหลังทำ
ฟื้นฟูผิวจากภายในสู่ภายนอกอย่างแท้จริง 🌱
บำรุงลึกถึงชั้น Dermis ไม่ใช่แค่ผิวชั้นนอก
คุ้มค่าในระยะยาว 💰
ลงทุนครั้งเดียว ผลลัพธ์ยาวนาน
🔷 ข้อดีของ Derma Glow เมื่อเทียบกับ Mesotherapy:
💦 ความชุ่มชื้นยาวนานกว่า: HA ใน Skin Booster ช่วยกักเก็บน้ำในผิวได้ดีกว่าวิตามินทั่วไป ทำให้ผิวชุ่มชื้นได้นานขึ้น
⏳ ผลลัพธ์คงอยู่นานกว่า: ผลของ Derma Glow อยู่ได้ 4-6 เดือน เทียบกับ Mesotherapy ที่อยู่ได้เพียง 1-2 เดือน
📅 จำนวนครั้งน้อยกว่า: คอร์สการรักษามักใช้เพียง 3 ครั้ง ในขณะที่ Mesotherapy อาจต้องทำ 4-6 ครั้ง
🌿 ความเสี่ยงจากการแพ้น้อยกว่า: เนื่องจากส่วนใหญ่ใช้ HA ซึ่งเป็นสารที่ร่างกายผลิตได้เอง โอกาสแพ้จึงน้อยกว่าค็อกเทลวิตามินที่มีส่วนผสมหลากหลาย
🧬 กระตุ้นคอลลาเจนได้ดีกว่า: HA ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวได้ดีกว่าในระยะยาว
🔷 ข้อดีของ Derma Glow เมื่อเทียบกับ Mesofat:
🧖♀️ ระยะพักฟื้นสั้นกว่า: มีอาการบวมแดงน้อยกว่าและหายเร็วกว่า Mesofat
😌 ความเจ็บปวดน้อยกว่า: เนื่องจากฉีดตื้นกว่าและไม่รู้สึกแสบเหมือนสารสลายไขมัน
🌱 ไม่ทำลายเซลล์: เป็นการเติมสารให้ผิว ไม่ใช่การทำลายเซลล์ไขมัน จึงไม่มีความเสี่ยงเรื่องผิวไม่เรียบ
💆♀️ เหมาะสำหรับการฟื้นฟูผิวโดยรวม: ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและเปล่งปลั่ง ซึ่ง Mesofat

ความคิดเห็น